Home Photo

Home Photo
Happy New Year 2019

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
กว่าจะมาสวัสดีได้ก็ผ่านไปถึง 15 วันแล้ว
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
แต่เราก็ยังมีอีก 11 เดือนครึ่งที่เหลืออยู่ให้ได้ทำอะไร ๆอย่างที่ใจปรารถนา
ขอส่งความรู้สึกดี ๆ ส่งแรงกายและแรงใจ และความเบิกบานเป็นสุขถึงเพื่อนอ่านทุกคนค่ะ

ลงภาพวาดหมายเลข 5 ซึ่งเป็นภาพเล็กหรือภาพลองวาดในกระทู้ "บทกวีบนแคนวาส"แล้วนะคะ

จัสมิน
15 มกราคม 2562


27.4.53

ตะเบบูญ่า ( Tabebuia, Pink Trumphet Tree)


ดูโน่นซี... ใต้ร่มเงาตะเบบูญ่า
ท่ามกลางละอองแดดอ่อนและลมโชย
เสื่อผืนใหญ่จัดเตรียมไว้พร้อมหมอนกองโต
ให้คนเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรงได้พักผ่อนนอนสักงีบ

ฉันเห็นแววฝันในดวงตาคุณ
คุณฝันทั้งยังตื่น คุณฝันถึงสิ่งใดหรือ....

บทกวีที่ยังไม่ได้เขียน...
ทำนองเพลงหวาน รอวันพรุ่งนี้มาแสนนาน
เรือนไม้หลังน้อยริมธารที่ยังไม่ได้สร้าง

ฤดูหนาวผ่านมา ใบตะเบบูญ่าร่วงหล่นทับถม
เราช่วยกันเก็บกวาดอย่างไม่รู้เหนื่อย
รอวันดอกตูมผลิบานช่อชมพูแสนหวานเต็มต้น

ลมเย็นเดือนธันวาสัมผัสผิวกาย เนื้อตัวลื่นสะอาด
กลีบชมพูตะเบบูญ่า โปรยปรายลงมา... แต่งแต้มร่างเราสอง
เรามองกัน
เรายิ้มให้กัน
.
ในความง่วงงุน กึ่งหลับกึ่งตื่นของฝันกลางวัน
ฉันเอื้อมมือหยิบกระดาษและดินสอในตระกร้าหวาย ส่งให้
คุณรับไปอย่างกระตือรือล้น
ฉันเองก็คว้ากระดาษ ควานหาดินสอ...
เราสบตากัน เราเห็นพ้องต้องกัน
.
บทกวีบทใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างงดงาม
ณ ใต้ร่มตะเบบูญ่าต้นนี้

~
หญิงสาวผู้เฝ้ากวาดลาน





 หญิงสาวผู้เฝ้ากวาดลาน
ตะเบบูญ่าบาน
ขับขานบทเพลงสายลม

ปูเสื่อหัวใจไว้ชม
หอมกลิ่นอารมณ์
ไหวหวานปานเทพนิยาย

ณ ทุ่งดอกไม้ระบาย
สีสรรพ์พรรณราย
เรียบง่าย อบอุ่น อ่อนโยน

ใครกันหวั่นไหวใจโอน
จากผ่านผาดโผน
กวีจักประโลมปลอบใจ

ฉันผู้นั่งซุนฟอนไฟ
กระดาษหน้าใหม่
ดินสอเหลาไว้ให้เธอ

เถิด หากผ่านผันนั้นเพ้อ
ผ่านพบสบเจอ
ละเมอยิ้มฝันนั้นงาม

ฉันผู้ต้อยตามคำถาม
ฝันใฝ่นิยาม
นัยกระจ่างสว่างไสว

เธอผู้นั่งอยู่ข้างใน
ใต้ร่มพันธุ์ไม้
เราไม่คาดคั้นปั้นปึง

ช่องว่างกว้างขวางนั้นจึง
มีเพลงลึกซึ้ง
ขับขาน งันเงียบ งดงาม





(โดย หทัย เขียนร่วม ตะเบบูญ่า)
"ทุกบทกวีมาจากคุณล้วนเป็นของคุณ" (19.12.10)*****

..
.

25.4.53

นกเพื่อนเก่า กับ นกเพื่อนใหม่

ที่ในสวน ฉันพบรังนกเขาเล็กบนต้นมะม่วง
คงเป็นรังนกเขาคุ้นเคยที่บินมาแตะไหล่ ก่อนร่อนไปเกาะเสารั้ว
.
ตัวนกเขาเล็กเป็นสีน้ำตาลอมเทา
หน้าสีฟ้าครามเหมือนทาแป้ง
สีฟ้านี้สดจัดในฤดูแห่งความรัก
มันพาคู่รักตัวใหญ่กว่ามาเดินเตาะแตะๆอยู่บนสนามหญ้าอย่างเสรี
ดูท่าทีเป็นเจ้าของ
ฉันจึงนั่งนิ่งๆ อยู่เงียบๆ อย่างเกรงอกเกรงใจ เหมือนเช่นเคย
.
นกทั้งสองบินกลับไปกลับมา
คาบก้านไม้เล็กๆ กิ่งแล้วกิ่งเล่า
ฉันจินตนาการว่า รังนกเขาเล็กคงใช้กิ่งไม้เล็กๆเหล่านี้ขัดกันไว้
ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น ...
.
รังนกเขาเล็กทำจากดินโคลน
กิ่งไม้เปรียบเหล็กเส้นที่ผูกไว้รับน้ำหนักก่อนเทคอนกรึต
มันทำรังได้เรียบร้อยและแข็งแรง
ลูกนกมีขนหลอมแหลมสองตัวโผล่หน้ามาให้ตื่นตา
นกเด็กอ่อนมีทั้งหมดกี่ตัว ฉันไม่แน่ใจ
รู้แต่ว่าหัวใจเต็มตื้นเป็นสุข
ที่เห็นรังนกเขาเล็กทำจากกิ่งไม้ในสวน
ดินโคลนมาจากไหนก็ช่างเถิด
เป็นสุขที่ได้เห็นเพื่อนนกมีคู่ มีบ้าน และมีลูก

สุดสัปดาห์ เห็นนกแสนสวยคู่หนึ่ง
ตัวใหญ่กว่านกเขาเล็กมากกว่ามาก
มันมีสีน้ำตาลแดงและฟ้าสด
อวบอ้วน สะอาดเอี่ยม
คงเพิ่งลงเล่นน้ำในอ่างดินมาหมาดๆ
คนที่บ้านบอกว่า มันคือนกเขาไฟ
..
นกเขาเล็กพาลูกๆมาเดินเตาะแตะอยู่บนสนามหญ้า
นกเขาไฟสองตัวก็กำลังเดินอยู่เหมือนกัน
พวกมันหลีกกันไปเลี่ยงกันมาเหมือนไม่เห็นกัน
แม้ต่างฝ่ายต่างรับรู้ถึงการมีอยู่ของอีกฝ่าย
.
ฉันนั่งมองพวกมันเดินสวนกันไปมาอย่างขบขัน
พวกมันทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอย่างแข็งขัน
กระนั้นไม่เคยเดินชนกันเลย
.
นกเขาเล็กเพิ่มจำนวนขึ้นมากมาย
แต่ฉันจดจำเพื่อนนกตัวแรกได้เสมอ
.
นกทั้งหมดอยู่ข้างนอกนั่น
ดังนั้น ...
ขอฉันออกไปในสวนหน่อยได้ไหม ?
.
.
.
.
.

23.4.53

กระดาษแผ่นเล็ก (1) บางสิ่งที่หล่นหายไประหว่างการเดินทาง


ภาพถ่ายโดยจันทร์สิรินทร์ / By Jansirin



เพื่อนคนหนึ่งของฉัน รักการเขียนจดหมายที่สุด
เธอมีปากกาคอแร้ง ขวดหมึกสีมิดไนท์ บลู ครั่ง และตราประทับ
เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมยาวๆ ตาโตๆ
เธอปรากฏให้เห็นเป็นนางเอกในเรื่องล่าสุดที่ฉันเขียน
เช่นเดียวกับเมื่อเขียนบทกวี "หญิงสาวแห่งยุคสมัย"
โดยไม่ได้เชื้อเชิญ เธอเดินเข้ามาในห้วงคำนึง มาเป็นนางเอก

จดหมายฉบับหนึ่งนอนรออยู่ในกล่องไปรษณีย์สีเขียวก่ำ
เดินทางไกลมาจากเกาะช้าง
ในซองมีใบไม้แห้งติดมาบนกระดาษสีน้ำตาล
และตัวหนังสือบนกระดาษแผ่นเล็ก



"บางสิ่งที่หล่นหายไประหว่างการเดินทาง"


เช้าของวันที่ฝนตก เวลาเดียวกับแดดออก
.
กลิ่นไอดินจางหายไปในคาวทะเล
.
กลิ่นไอป่าจมหายไปในไอหมอก
.
ควันบางเบาล่องลอยสู่ชั้นบรรยากาศ

.
ท้องฟ้า ไม่ใชสีฟ้า
.
ท้องทะเล ไม่ใช่สีทะเล
.
เกิดความอัศจรรย์ใจ
.
เหมือนสายเลือดหนานุ่ม
.
หมุนเวียนประดุจแพรไหม
.
ทุกอย่างดังฝัน
.
หรือว่านี่จะเป็น "โลกใบใหม่"
.
.
Life is wonderful...
I look around and miss you.

ใบไม้ที่เก็บได้ที่ชายหาด
ลองดมกลิ่นดูซี่
ยังมีกลิ่นคาวทะเลติดอยู่เลย


*


ข้างนอกนั่น ! (2) Somewhere out there


.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
2.
.
ความงามยามค่ำคืน จะปลอบปลุกหัวใจให้ตื่นฟื้นจากโศกเศร้า
.
ทุกข์สุขคละเคล้าผ่านมาแล้วผ่านเลย
.
ลงเอยเป็นภาพวาดหาค่ามิได้บนกำแพงข้างบันไดวกเวียน
.
คุ้นชินจนบางครั้งไม่ได้แม้แต่ปรายตามอง
.
.
.
ข้างนอกนั่น บุหลันทรงกลด
.
คล้ายโลกถูกสะกดด้วยละอองอณูละเอียด พรายพรม ห่มโลก
.
โลกใหญ่...และ เล็กเท่าแก้วตา
.
แสงนวลนุ่มอาจปรารถนา'โอบอุ้ม'คลุมร่างกลางแมกไม้
.
หัวใจหวาดหวั่น อาจพลันนิ่งด้วยการ'ทนุถนอม'จากสายลม
.
ท่ามห้วงอากาศสงบสงัด
ความมืดที่ไม่มืด ความสว่างที่ไม่สว่าง
.
ระหว่างกลางรอยทาบทบ กลบกลืนของคืนวัน
.
ฉันปรารถนาจะอยู่ที่นั่น
.
บนพื้นผิวสนธยากาล
.
ดังนั้น ...
.
ขอฉันออกไปในสวนหน่อยได้ไหม ?
.
.
.
~
.
.
.
.
.

21.4.53

ข้างนอกนั่น ! A Song Out There
















ขอฉันออกไปในสวนสักหน่อยเถิด
ขอฉันเปิดประตูสู่ละอองเรณูดำกำมะหยี่แสงค่ำ
ดื่มด่ำซาบหวานดอกราตรีผู้ไม่ยี่หร่ะต่อลมฤดูร้อน
หอมเธอหรือจักจืดจางขณะรัตติกาลก้าวย่าง
หอมเธอหรือจักเบาบางกลางระลอกคลื่นสายลม
.
'
ขอฉันออกไปในสวนสักหน่อย
เพื่อชมพลอยน้ำค้างเม็ดน้อยม่อยหลับอยู่ปลายเรียวหญ้า
แสงไฟจากดวงโคมกระทบหยดน้ำวิบวับจับตา
ฉันสัญญา จะปล่อยพวกเธอให้หลับใหลจนเต็มตื่น
กระทั่งแสงเช้าพาคืนกลับยังรังเรือน


ขอฉันออกไปในสวนหน่อยได้ไหม
ขณะใบไม้ระบัดใบอ้อล้อละอองจันทร์
ขณะใยไหมทอเมฆสีอำพัน ลอยละล่องฟองฟ้า
ด้วยจังหวะลีลาและท่วงทำนองที่มีมาช้านาน
ฉันปรารถนาจะได้ยินวงดุริยางค์เก่าแก่บรรเลง
ปรารถนาจะได้ฟังเพลงโบราณเพลงนั้น
ทั้งหมดอยู่ข้างนอกนั่น !
ดังนั้น ขอฉันออกไปในสวนหน่อยได้ไหม ?


*
~
.
.
.
.
.

16.4.53

อักษร ภาษา และเวลาของฉัน (1) โลกในอุดมคติ


.โลกในอุดมคติ

ฉันอยากอยู่ในโลกที่ไม่มีใครขาดน้ำ
น้ำที่ปราศจากกลิ่นแปลกปลอมแม้แต่กลิ่นคลอรีน
ดินร่วนสีดำที่ไม่มีสารเคมี
ไม่มีสารพิษจากยาฆ่าแมลง
ต้นไม้เขียว ดอกไม้บานตามธรรมชาติ
สายลมบริสุทธิ์เย็นสดชื่นที่มีกลิ่นสนในบางฤดู
ไฟที่มีไว้เพื่อหุงต้มและให้ความอบอุ่น
ไม่ใช่เพื่อใช้เผา ไม่ว่าเผาอะไรก็ตาม
โลกที่ค้นพบวิธีกำจัดขยะอย่างแยบยล

โลกที่ปราศจากแสงนีออน
แสงป้ายโฆษณาจากตะวันตกลุกลามสู่ดินแดนพรหมจรรย์
แม้นักเดินทางยังไปไม่ถึง
โลกที่มีแสงอุ่นจากหลอดไฟ จากเทียน จากตะเกียง
โลกที่ไม่มีการตอกเสาเข็มเสียบอกแผ่นดิน
และท้องฟ้าไม่ถูกบดบังด้วยตึกสูงเสียดฟ้า .


โลกที่ความงามไม่ใช่สิ่งแปลก
และความละเอียดอ่อนโยนเป็นเรื่องปกติ
โลกที่ผู้คนสามารถแยกความสวยออกจากความงาม


ฉันอยากอยู่ในโลกที่เท่าเทียม
โลกที่มนุษย์ไม่ถูกแบ่งประเภท
ไม่ว่าด้วยสีผิว รายได้ ชาติกำเนิด
ความเชื่อ ความศรัทธาทางศาสนา
ความแตกต่างทางการปกครอง
โลกที่มนุษย์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอยู่บนความแตกต่าง

ความแตกต่างที่ทำให้เราพ้นจากการเป็นมนุษย์หุ่นยนต์
หัวใจของความเป็นคน

ใช่ ฉันอยากอยู่ในโลกที่คนไม่เหมือนกันอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน
ความกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน
ทำให้สงครามเป็นเพียงคำหนึ่งในพจนานุกรม
เรื่องราวการสู้รบแต่หนหลังเป็นเพียงบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์
และสมรภูมิเคยโชกเลือดเป็นสถานที่ที่ผู้มาเยือนหลั่งน้ำตาแห่งความอาดูร

มนุษย์ไม่ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับการอยู่รอด ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อปัจจัยสี่
หามาและแบ่งปัน
มนุษย์เพียงแสวงหาคำตอบป้อนจิตวิญญาณขั้นสูง

ความรักมีไว้เพื่อการหายใจเข้าออกของจิตวิญญาณ
ขณะอวัยวะที่ใช้ในการหายใจทำหน้าที่ของมันไป

ในโลกนั้น
เราส่องกระจกจากแววตาคนที่เรารักและรักเรา
เราส่องกระจกผ่านแววตาเพื่อนร่วมโลกทุกคนที่เข้ามาในชีวิต~


.


.
อักษร ภาษา และเวลาของฉัน
คอลัมน์เขียนร่วม
พี.เจ. แอนเดอร์สัน

*หมายเหตุ ชอบชื่อที่ตั้งให้มากมาย.

14.4.53

ในอุ้งมือ

๑.

เขาเดินทางมาคนเดียว
บนหนทางโดดเดี่ยวของคนฝัน
ดึงดันไต่ภูผาสูงชัน
มือจิกเท้ายันประจันโจม

ทานพุ่งสู่ทิศเบื้องหน้า
แข็งขืนฝืนฝ่าพายุโหม
ไม่หรอก ... ไม่มี ... ดนตรีประโคม
อาจสายลมเล้าโลมเพียงบางครา
.
ฟ้าฝนไม่เป็นใจ
น้ำตาไหลปนฝนจากหม่นฟ้า
อิดโรยน่าสมเพชเวทนา
ใยชีวิตข้า เป็นเช่นนี้ !
.
.
.๒.
บนยอดเขาสูง
แปลกนกยูงรำแพนแสนรุ้งสี
ดอกไม้ป่าเบ่งบานล้านมาลี
กล่นเกลือนหลากมณีทั่วศีขริน

อะไรคือสิ่งที่ต้องการ
เพื่อคิดหาญคว้าจันทร์จากผาหิน
เพื่อยืนยันว่านกเปลี่ยวเดี่ยวโบยบิน
มาถึงถิ่นเงาแสงแห่งนิรันดร์
.
ต้องการอะไรจากที่นี่
เขาผู้มีเฉพาะกาลระหว่างฝัน
ปรารถนาปลิดเด็ดเมล็ดพันธุ์
ของเพียงหนึ่งบุษบันไปหว่านลง
.
ค่ำแล้ว ...
ดาษดวงแก้วพริบพริบระยิบผง
ดาริกาบรรเลงเพลงทรนง
เจาะจง ... แด่ชายบนยอดภู
.
เงี่ยฟัง
งามโน้ตเพลงพรูพรั่งสองข้างหู
อุระเอมเอิบอาบซาบวิญญู
แม้ไม่รู้ดอกไม้ฝันนั้นอยู่ไหน

ชีวิตคือการแสวงหา
จะเร็วช้าพรักพร้อมย่อมพบได้
คือการตอบคำถามผ่านทำไม ?
มองเข้าไปในไม่รู้ สู่ทิศทาง
.
ดอกไม้นั้นอยู่ไหน ?
อุดมคติแห่งหัวใจใคร่สะสาง
ผ่านวันคืนหวั่นไหวในเลือนลาง
เคว้งคว้าง อ้างว้าง กลางเวลา
.
เหลือบเห็นหยาดน้ำตาจากดาวหนึ่ง
วาบแสงซาบซึ้งซึ่งค้นหา
หยดลงบนหนึ่งบุษบา
อีกน้ำฟ้าหล่นมาในอุ้งมือ
.
.
.๓.
เห็นดอกไม้นั่นไหม ?
นั่นดอกไม้ใช่ไหมตระกองถือ
ทะเลในพายุโถมโหมกระพือ
หรือคือ เงียบง่าย คลายเงื่อนปม
.
ในอุ้งมือทั้งสอง
ประคับประคองชมชื่นหรือขื่นขม
หัวเราะ ร้องไห้ หรือไม่อภิรมย์
ยกขึ้นดอมดม หรือนิ่งงัน
.
เขาผู้เดินคนเดียวชายเปลี่ยวเปล่า
ผ่านหงอยเหงา โศกเศร้า แข็งขัน
ถดถอย ต่อสู้ ฝ่าฟัน
เขาคนนั้นเห็นสิ่งใด ในอุ้งมือ ?
.

*****

12.4.53

ยอดตองต้องลม


*
*
*
*
*
*
*
*
*
*
*
*
*
๑.

ยอดตองต้องลม ชมเขียวตอง
แสงเช้าโรยละอองสีทองอ่อน
ใบใหม่เริงรื่นเพิ่งตื่นนอน
หยดน้ำค้างคืนก่อนซ่อนกลางเกลียว

.

โยกโยนเย้าหยอกบอกใบเก่า
ยังอ่อนเยาว์อายุน้อยไม่ค่อยเขียว
ดุจเด็กน้อยหวั่นกลัวตัวคนเดียว
ช่างเปล่าเปลี่ยวเคว้งคว้างระหว่างลม

.

เห็นใบเก่าฉีกขาดกระรุ่งกระริ่ง
ไร้เดียงสาเกรงกริ่งสิ่งขื่นขม
งุนงงหวาดไหวในอารมณ์
ยามฝนพรมลมปะทะเหลือประทัง

.

เดี๋ยวแดดออกฝนซ้ำย้ำลิขิต
บางคราลมนิ่งสนิทยิ่งผิดหวัง
เถอะโชยชายเย้ายอพอประทัง
ต่อกำลังยอดตองได้ต้องลม


*

๒.

ยอดเอยยอดตอง
โยนโยก ท่วงทำนองของสุขสม
ระรวยล้อเอื่อยอ้อนเฝ้าย้อนชม
รื่นภิรมย์เหมือนเคยรำเพยมา

*

ลมเอย ... ลมพัด
ยอดตอง โบกสะบัด ดังหัตถา
แตะเพียงเบา เอนโอน โดนมนตรา
ปาฎิหารย์ ... ลมพา ... มาหรือไร

*

เช่นดอกไม้ คลายคลี่ ทีละน้อย
ตองอ่อนค่อยแย้มบานมาขานไข
เนียนละเอียดสัมผัสรัดรึงใจ
ดังซิ่นไหมทอทอดสอดเส้นทอง

*

สวมเสื้อแพร นวลเอย เลยเอวคอด
ซิ่นโอบกอดระข้อเท้าเพราสนอง
งามเอยงามล้ำเกินคำกรอง
อ้อนแอ้นอ่องละอองกว่าผ่องจันทร์


*

สายลม ... โชยวาบซาบกิ่งไหว
เริงรื่นโบกไกวคล้ายสรวลสันต์
ยอดตองต้องลมห่มนิรันดร์
ขณะนั้น ... นิรันดร์ ... นิรันดร


.
.
.
.
.

10.4.53

หญิงเย็บผ้ากับชายช่างทำรองเท้า ตอนจบ The sewing maiden and the shoemaker(จบ)


Marc Chagall's "Ballet Rusee"

ชายช่างทำรองเท้าหยิบเศษด้ายขึ้นดู
“เธอกำลังเย็บเสื้อสีน้ำตาล สีเดียวกับเสื้อที่ฉันสวมใส่
... เธอเย็บเสื้อตัวใหม่ให้ฉันใช่ไหม ? "

“อย่าหลงตัวเองไปเลย” .

“เธอกำลังเย็บเสื้อตัวใหม่ที่ฉันไม่ต้องการ
เสื้อขาดเป็นริ้วของอัศวินผู้ผ่านสมรภูมิโชกเลือด
ตัวนี้ต่างหาก ที่ฉันปรารถนา
คนดีของฉัน ... เย็บเสื้อตัวใหม่ต่อไป
และนำมันไปขายเพื่อใช้ซื้อถ่านหิน
รู้ไหม เธอทำให้ฉันเป็นสุข”

“แต่เธอต้องหาเสื้อตัวใหม่ให้เจอ นี่เป็นข้อแม้ !”

"จะเป็นข้อแม้ได้อย่างไร ในเมื่อฉันไม่ต้องการเสื้อตัวใหม่
สื้อตัวที่ฉันต้องการ ฉันสวมมันอยู่แล้วนี่ไง”

เขายกตะเกียงขึ้นวางบนโต๊ะ จับเธอนั่งลงบนเก้าอี้ และสวมรองเท้าคู่ใหม่ให้
... ดึงสองมือให้ลุกยืน
จากนั้นเขาพาเธอเต้นรำไปในห้องเล็ก ๆ
ด้วยเสียงเพลงของหัวใจ ... ที่ไม่มีผู้ใดได้ยิน

“แต่เธอต้องหาเสื้อตัวใหม่ให้พบ ! ”

“ไม่นะหญิงสาว ลืมเสื้อตัวนั้นเสีย
เพียงคิดถึงความรักของเรา
แม่หายดีแล้ว กำลังจดจ่อ
รอฟังเสียงระฆังวิวาห์ที่จะดังขึ้นในไม่ช้า ...”

“เธอจะใส่เสื้อขาดตัวนี้จริง ๆ หรือ ?”

“แน่นอน ฉันจะสวมใส่มันเข้าพิธีวิวาห์ !
เสื้อตัวนี้มีค่าเพราะหัวใจรักของเธอ !”

..


หญิงเย็บผ้า เย็บเสื้อตัวใหม่จนเสร็จ ขายมันไปไม่ใช่เพื่อค่าถ่านหิน
หากเพื่อซื้อแถบผ้าสวยเรียบสีน้ำตาล มาตกแต่งซ่อมริ้วเสื้อตัวเก่าที่ฉีกขาด
เสื้อตัวนี้ไม่ปุปะ กลายเป็นเสื้อแปลกตา ที่ใคร ๆ ต่างมาสั่งตัดเย็บ
และเธอก็ตัดเย็บให้พวกเขา
แม้ไม่มีเสื้อตัวใดจะเหมือนเสื้อแห่ง “อุปสรรค”
ไม่มีเสื้อตัวใดงามแปลกตาเท่าเสื้อตัวนั้นอีกแล้ว
มันเป็นเสื้อที่มีเรื่องราว !

เสียงระฆังโบสถ์ดังเหง่งหง่าง
เจ้าสาวและเจ้าบ่าวจูงมือออกมาด้วยกัน
เจ้าสาวสวมรองเท้าคู่สวย และเจ้าบ่าวสวมเสื้อคลุมตัวงาม
อุปสรรคผ่านพ้นไปแล้ว
แต่เขาทั้งสองยังอยู่ ...
เคียงข้างกันและกัน.



~

หญิงเย็บผ้ากับชายช่างทำรองเท้า ตอน 12 The sewing maiden and the shoemaker

12

 Marc Chagall; Above the Town (Au Dessus de la Ville)


“ฉันขอโทษ ...” ชายช่างทำรองเท้ากล่าวอย่างสำนึกผิด

“เคยได้ยินเสียงฉันบ้างไหม
ขณะฉันสนทนาอยู่กับดวงดาว ...
คืนหงอยเหงาเศร้าสร้อยคล้อยเคลื่อนไปช้า ๆ
เวลา ปฎิเสธเข็มนาฬิกา ยื่นมือเข้ามาชักชวน
เคยได้ยินฉันบ้างไหม ชายช่างฝัน
ดอกไม้ไหวหวั่นที่ริมสวน
สิ้นแล้ว หมดแล้วทั้งมวล
ไม่ทบทวนเก่าใด ... 
สิ้นแล้ว หัวใจของวันวาน"

“เราผูกพันกันด้วยรัก ตั้งแต่แรกรู้จัก จนบัดนี้
ความรักเมื่อเกิดแล้วยากจะดับ ...”
 
“โอ ลอยลับดับไป เช่นเทียนไขให้ประกายเปล่งปลั่งเพียงชั่่วยาม
ไปเถิด ฉันจะปิดประตู” 
 
“ทำไมห้องจึงมืดนัก ทำไมตะเกียงถึงอยู่บนเก้าอี้ ?
... เสื้อรุ่งริ่งนั่น ... เสื้อตัวนั้นนี่นา !” 
 
“ใช่ ! เสื้อตัวนั้น เสื้อที่ฉันพบมันจมอยู่ในหล่มโคลนสกปรก
คนใจร้ายไม่เห็นคุณค่าของมัน” 
 
“ฉันไม่อาจรู้ว่าเป็นเสื้อที่เธอตัดเย็บ”
ช่างทำรองเท้าก้าวยาว ๆ ผ่านเธอผู้งุนงงเข้าไปในบ้าน
เขาคว้าเสื้อขึ้นมาสวม
“ฉันจะสวมใส่เสื้อตัวนี้ เช่นอัศวินผู้ผ่านสงครามมาโชกโชน
เสื้อขาดเป็นริ้วประกาศชัยชนะ
เธอจะปะติดปะต่อมันขึ้นมาอีกครั้ง
เสื้อยังไม่ตายและฉันยังมีชีวิต
เธอเล่า อยากเป็นจอมใจอัศวินเสื้อขาดคนนี้ไหม”
 
เธอไม่ตอบ ...
 
ช่างทำรองเท้าเหลือบมองตะเกียง เขาเดินเข้าไป
... บนพื้นมีกรรไกร มีเศษด้ายเต็มไปหมด
เขาหันมองเธอ แววตาตื่นตะลึง
“นี่เธอหนาว จนต้องนั่งเย็บผ้าใต้โต๊ะเชียวหรือ ? ”
 



~

9.4.53

หญิงเย็บผ้ากับชายช่างทำรองเท้า ตอน 11 The sewing maiden and the shoemaker (11)

11.

Beautiful Earth


ชายช่างทำรองเท้ายืนอยู่ที่นั่น ในมือกอดถุงผ้าไว้แน่น
จะไม่ยอมสูญเสียรองเท้าคู่นี้ไปอีกแล้ว
จนกว่าสัญลักษณ์ความรักของเขา
จะตกอยู่ในการครอบครองของเธอผู้เป็นเจ้าของ

หญิงเย็บผ้าเล่า เธอจะทำอย่างไรได้
นอกจากก้มหน้า ปรายตาคู่สวยแสนเศร้าขึ้นมอง
แววตาตัดพ้อต่อว่า หากยังค้นหา ... คำตอบ
สิ่งที่เห็น ... คือแววตาทดท้อ สำนึกผิด
และคำขอโทษ

สายตาสองคู่สอดประสาน กระนั้น มิได้มีถ้อยคำใดเอ่ยออกมา
ร้อยพันถ้อยคำต่างแก่งแย่งจนไม่อาจกล่าวออกมา


อากาศหนาวจับจิต หิมะกำลังโปรยปราย
เธอเคยเห็นมันเป็นผงน้ำตาลไอซ์ซิ่งบางเบา
ซึ่งเหล่าเทพธิดาโปรยลงมาจากฟ้า
หากเวลานี้ มันเป็นได้เพียงหิมะ !

เธอผู้ไม่ผิด ไม่เชื้อเชิญเขาเข้าบ้าน !
โอ เธอกำลังจะปิดประตู
เขาก้าวเข้าขวางประตู
จะไม่ปล่อยให้ช่วงเวลานี้หลุดลอย..

“ฟังก่อน ... ฉันนำรองเท้ามาให้
รองเท้าที่เกิดจากใจคนฝัน
ละอองน้อยนิดแห่งรักนิรันดร์
ปลายเชือกนามความผูกพัน ที่ฉันมอบแด่เธอ
กระนั้น ... คุณค่าอยู่ที่หัวใจ
เพราะทุกนาทีผ่านไปนั้น ฉันเห็นแต่เธอ
แม่เทพธิดา !
ที่หายไป มิได้หลบลี้หนีหน้า
หากเผชิญปัญหา ไม่อาจรักษาของขวัญ
จึงได้แต่โศกาจาบัลย์
ปล่อยความทุกข์บั่นทอน
กัดกร่อนไปวันวัน”


“ใยเธอทำลายเสื้องาม
สัญลักษณ์ความรักของฉัน
ใยไม่ถนอมหัวใจกัน
ใยบั่นความฝัน ! ”

“คนดี ... ฉันไม่รู้ว่าเป็นเสื้อที่เธอตัดเย็บให้ฉัน
เสื้อตัวนั้นมาจากมือคนเอาแต่ได้
ฉันโมโห กรีดขาดโยนทิ้งพลัน
สุดอดกลั้น คนให้นั้นขู่ซื้อรองเท้าของเธอไป”
“แล้วทำไมไม่มาหา ใช้วาจาแถลงไข
ทำไมจึงเงียบหายไป
ทำไมเธอจึงไม่..กอดคอร้องไห้ด้วยกัน ! ”



~

5.4.53

หญิงเย็บผ้ากับชายช่างทำรองเท้า ตอน 10 The sewing maiden and the shoemaker (10)







10.

เสียงเคาะประตูกระชากหญิงเย็บผ้าออกมาจากภวังค์โศก

เธอตื่นตะลึง

โอ ใครมาล่ะนั่น !หรือจะเป็นเจ้าของบ้านเช่า

ไม่ ! เขาจะไม่ได้เห็นเสื้อตัวนี้ !

เร็วเท่าความคิด มือคว้าเสื้อแล้วลุกขึ้น วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต !

ผนังหนาถูกทำไว้เป็นที่ซ่อนของมีค่า

เธอพบช่องนี้ขณะทำความสะอาดวันย้ายเข้ามา

ของมีค่าที่เธอไม่เคยมีให้ต้องซ่อน

นอกจากเสื้อตัวนี้

เธอเปิดฝาไม้ที่เรียบสนิทกลืนกับแผ่นไม้

แผ่นไม้นี้ติดกับพื้นและตั้งฉากกับผนังห้อง

เธอใส่เสื้อที่ยังเย็บไม่เสร็จเข้าไปข้างใน ปิดฝา

จ้องมองอย่างสำรวจตรวจตรา

ต้องไม่มีอะไรผิดพลาด !


ยกมือขึ้นป้ายน้ำตา เอามือลูบชุดที่สวมใส่

เสื้อผ้าเก่า ๆ ยู่ยี่เพราะนั่งขดทำงานอยู่ใต้โต๊ะ

ซอยเท้าตรงไปเปิดประตู ...

เขายืนอยู่ที่นั่น !




~


หญิงเย็บผ้ากับชายช่างทำรองเท้า ตอน 9 The sewing maiden and the shoemaker (9)





9.

หญิงเย็บผ้า ก้มหน้าลงซุกซบเข่า ร่ำไห้อย่างไม่เคยมาก่อน

นับจากวันที่พบเสื้อในหล่มโคลนที่เกิดจากหิมะละลาย

เธอเลิกร้องไห้

เก็บกักไว้เนิ่นนาน

... นานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์

จนหลงคิดว่าจะไม่มีวันร้องไห้อีก

แต่แล้ววันนี้ก็มาถึง

วันร้องไห้ !

ร้องเสียให้พอ !


โอหัวใจดวงน้อยละห้อยเหลือ

เหมือนลอยเรืออยู่ในทะเลกว้าง

มองไปทางใดไม่เห็นทาง

มีแต่ความลัวลางและร้างเลือน


ชีวิตเหมือนเรือน้อยลอยบนคลื่น

ท่ามฟื้นตื่นความไม่มีที่ไม่เหมือน

ความทรงจำเหยียบย่ำคอยย้ำเตือน

สะท้อนสะเทือนส้อยเศร้าใต้เงาดำ


น้ำตาเอ๋ยไหลมาให้หมดหมด

แล้วจำจดเอาไว้ให้อิ่มหนำ

รู้จักแล้วใช่ไหมใจเจ้ากรรม

รู้เจ็บช้ำแล้วใช่ไหม ... ใจเอย


~

4.4.53

หญิงเย็บผ้ากับชายช่างทำรองเท้า ตอน 8 The sewing maiden and the shoemaker (8)

Village in Winter by Eversen Andrianus

 ห้องหม่นเศร้า อึมครึมไร้ชีวิตชีวา

ประตูหน้าต่างถูกปิดแน่นหนา

หญิงสาวซุกตัวเย็บผ้าอยู่ช่องว่างใต้โต๊ะ

พึ่งพาแสงตะเกียงดวงเล็กที่ตั้งไว้บนเก้าอี้

จะไม่ให้ใครเห็นเสื้อตัวใหม่

เหรียญเงินที่ได้มาจากเจ้าของบ้านเช่าหน้าเลือดถูกใช้ไปเป็นค่าผ้า 

แถบตกแต่งเสื้อคลุมและกระดุมเม็ดสวยเสื้อตัวใหม่นี้จะงดงามมาก คัดสรรค์มาแต่ของดี

ของดี ๆ ที่เคยยืนมองตาละห้อย

ของดี ๆ ที่เสื้อตัวเก่าไม่มี

เสื้อตัวเดิมสวยงามด้วยฝีเข็มบนตะเข็บ ที่เธอเฝ้าเย็บเฝ้าเลาะ จนไม่มีที่ติ

ไม่มีแถบผ้าตกแต่ง กระดุมก็เรียบง่าย ราคาถูก


น้ำตาไหลเมื่อนึกถึงชายคนรัก ...

ไม่ใช่เพียงเพราะเสื้อฉีกขาดรุ่งริ่ง แขวนไว้เตือนใจ

... เขาไม่เคยเหยียบย่างมาเยี่ยมเยียน

สิ้นแล้วความห่วงหาใยดีต่อหญิงที่เธอเคยบอกรัก ครั้งแล้วครั้งเล่า

ช่างใจดำเหลือเกิน ...

ร้องไห้? ทะเลในใยไม่เหือดแห้ง


 

เสื้อที่เฝ้าระวังไม่ให้เปื้อนเลือด เวลานี้กลับเปื้อนน้ำตา

รินไหลไม่เลือกเวลาเลย



ความเศร้าไม่ผิดกับความรัก มาถึงโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว สั่งให้เริ่มก็ไม่ได้ ให้หยุดก็ไม่ได้

เสื้อตัวแรกตัดเย็บด้วยใจรัก

หากเสื้อตัวนี้ตัดเย็บด้วยใจเศร้า

 

ห้วงความคิดอึงอล คำพูดหญิงชราแว่วมาให้ได้ยิน

“หากความรักเช่นเดียวกันนี้ มากจากชายอื่น เจ้าจะเรียกว่าความรักไหม”

เธอส่ายหัว " ไม่ ! ไม่ ! ความรักไม่อาจมาจากที่ใด แต่จากหัวใจฉันเอง”


~

หญิงเย็บผ้ากับชายช่างทำรองเท้า ตอน 7 The sewing maiden and the shoemaker (7)


A small village in Bulgaria by Matro Marini

7.

เจ้าของร้านเครื่องหนังใหญ่ที่สุดในเมืองนั่งมองรองเท้าที่ถูกส่งคืนจากพระราชวัง ยิ่งมองยิ่งเกิดโทสะนั่งไม่ติด แน่นอน คนใหญ่โตอย่างเขาไม่ใช้คนผิด !คนผิดคือช่างทำรองเท้าโง่เง่านั่นต่างหาก ! ถ้าขนาดรองเท้าใหญ่ขึ้นอีกนิดเดียว ป่านนี้เขาคงรับเงินจากเจ้าหญิงมาเรียบร้อย ที่สำคัญ รองเท้าที่ข่มขู่ซื้อมา ซอมซ่อจืดชืด เคียงข้างรองเท้าจากดินแดนโพ้นทะเลที่นายพลเรือนำมาถวาย เขาเสียหน้า ในฐานะผู้โปรดปรานของราชสำนัก แต่คนมั่งมีอย่างเขา ย่อมมีอิทธิพลอยู่เป็นธรรมดา อย่างน้อยก็ต่อชายช่างทำรองเท้าผู้ต่ำต้อย !
~ ช่างทำรองเท้าก้มมองรองเท้าที่ถูกเขวี้ยงลงบนพื้นเดินเข้าไปหยิบมันขึ้นวางบนโต๊ะอย่างทนุถนอม สำหรับผู้ไม่ต้องการ มันช่างไร้ค่าเสียจริง ไม่รู้หรอกหรือว่ามันมีความหมายต่อเขาเพียงใด รองเท้าคู่สวย คงมีชีวิตจิตวิญญาณของมันเอง จึงเดินทางกลับมาหาเขา กลับมาหาเธอ เจ้าของที่แท้จริง
~..
.

หญิงเย็บผ้ากับชายช่างทำรองเท้า ตอน 6 The sewing maiden and the shoemaker (6)

6.

A village under the Sun

เจ้าของร้านทำรองเท้าใหญ่ที่สุดในเมืองโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
... รองเท้าถูกส่งคืนมาจากราชสำนัก
รองเท้างดงาม สวยจับตาจับใจเจ้าหญิง
หากสวมใส่ไม่ได้
รองเท้าคู่นี้เล็กไป !
โชคชะตาเล่นตลกกับเขา
ผู้เคยเป็นที่โปรดปราน
รองเท้าอีกคู่เดินทางมาไกล
นายพลเรือนำมันกลับมาจากโพ้นทะเล
รองเท้าปักร้อยด้วยพลอยและมุก
งดงามกว่าคู่นี้มากนัก
แต่ที่สำคัญที่สุด
...เจ้าหญิงสวมใส่ได้พอดี !
โอ
ความพอดีที่สำคัญ !
อัศจรรย์แห่งความพอดี !
~

หญิงเย็บผ้ากับชายช่างทำรองเท้า ตอน5 The sewing maiden and the shoemaker (5)

Village in Winter by Alfred Sisley


5.

อาจมิใช่เพียงความหนาวมือหญิงสาวถึงสั่น
เข็มเย็บผ้าแทงขึ้นแทงลงแม้ในแสงแห่งวัน
กระนั้นมือสั่นเทายังเฝ้าผิดพลาด
เข็มทิ่มลงปลายนิ้วถลอกเป็นขุย ... 

หยดเลือดซึมเป็นเม็ดกลมเหมือนปลายเข็มหมุด
เธอรีบซับ
เสื้อคลุมตัวนี้ต้องไม่มีรอยเปื้อน !
 
เหตุใดจึงตระหนกเพียงนี้
ก็เขานะซีที่ปรากฎในห้วงคิด
ช่างมีอิทธิพลเหนือเวลาและที่ทาง
ทุกการเคลื่อนไปของเข็มนาฬิกา
เขา ... อยู่ที่นี่เสมอ

~

2.4.53

หญิงเย็บผ้ากับชายช่างทำรองเท้า ตอน 5 The sewing maiden and the shoemaker (4)


The Lovers, Irisquilt by Iris Sonnenschein
4.

ค่ำแล้ว หญิงเย็บผ้าปรายตาแสนเศร้าผ่านหน้าต่างมองฟ้า ท้องฟ้าสีน้ำเงินเช้มเกือบดำ ... 
 คืนไร้จันทร์ ความมืดคืบคลานเข้ามาครอบคลุมแม้ความนึกคิด  
หัวใจไหว ๆ รู้สึกรู้สม คล้ายถูกเคลือบด้วยไขเทียนหนาหนักที่เพิ่งคลายความร้อน  
อึดอัดจนต้องเดินไปเปิดประตู  ก้าวออกไปยืนอยู่ในสวนเล็กหน้าบ้าน  
แสงจากโคมไฟบนเสาเหล็กสีดำข้างถนน เผื่อแผ่แสงจางลงมาบ้าง 
 เธอจับตามองดวงไฟกลมสีเหลืองนวล บอกตัวเองว่า ... “คืนนี้ จันทร์เต็มดวงลอยต่ำเหลือเกิน” 
หญิงสาวคว้ากำลังใจจากดวงไฟที่ไม่เกี่ยงงอน



อากาศเย็นจนตัวสั่นหญิงเย็บผ้ากลับเข้าไปในบ้าน 
เธอจุดตะเกียงแล้วหยิบผ้าเนื้อหนาสำหรับตัดเย็บเสื้อตัวใหม่วางลงบนโต๊ะ  
เสื้อตัวใหม่นี้จะถูกเก็บไว้เป็นความลับ .

 ฉันเย็บเสื้อตัวแรกเพื่อชายคนรัก เสื้อที่ฉันตัดเย็บจนเสร็จ
เสื้อที่ทุกคนเห็นแล้วชื่นชมว่างดงาม
 เสื้อที่ฉีกขาดเป็นริ้ว ขณะนี้แช่อยู่ในน้ำสบู่  
  
ฉันจะเย็บเสื้อตัวใหม่และเชื่อว่าจะทำสำเร็จอีกครั้ง !

เธอมองเสื้อตัวแรกในอ่างที่มุมห้อง
ย้อนนึกถึงเหตุการณ์วันก่อน ชายอ้วนผู้มั่งมีเจ้าของบ้านเช่าผู้โหดร้ายมาเก็บค่าเช่า เขาเห็นเสื้อตัวนี้และขอซื้อ
ฉันปฏิเสธ เขาเกิดโทสะข่มขู่ จะขับไล่ออกจากบ้านโกโรโกโสหลังนี้ 
ฉันต่อสู้ทุกวิถีทาง
จนกระทั่งเขาบอกว่า
เสื้อตัวนี้เป็นของกำนัลเธอ ช่างทำรองเท้าผู้มีฝีมือที่สุดในเมือง ...
รองเท้าที่เธอทำคู่ควรกับเจ้าหญิงเท่านั้น
ฉันถึงได้ยอม ... 

เธอผู้เป็นที่รัก ... ทุกรอยตัดและฝีเข็มบนเสื้อตัวนั้น เสมือนคำมั่นสัญญา

ฉันจะไม่ประหวั่นพรั่นพรึงอีกต่อไป จะตั้งอกตั้งใจตัดเย็บเสื้อตัวใหม่ 
 หากผู้ใดตระหนักรู้คุณค่าของความตั้งใจ
 หากโชคดี เขาจักสวมใส่ได้พอเหมาะ 
 และหากเธอย้อนทวนมาทวงสิทธิ์
 เธอจักต้องพยายามหนัก

สิ่งซึ่งถูกซุกซ่อน เธอต้องค้นหา 
สิ่งที่ค้นพบ ต้องพอดี

 
*

1.4.53

หญิงเย็บผ้ากับชายช่างทำรองเท้า ตอน 4 The sewing maiden and the shoemaker (3)




 4.

ในวันสามัญ ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ แสนสามัญแห่งนี้
เสียงร่ำไห้ของหญิงสามัญ สวรรค์จักได้ยินหรือไม่ ไม่มีผู้ใดรู้
แต่มันดังถึงหูหญิงชราหมอยาประจำหมู่บ้าน ผู้ไม่รั้งรอเข้าไปถามไถ่

หญิงเย็บผ้าปรายตาเปียกชื้นอัสสุชลขึ้นมอง
น้ำตาหยดหนึ่งตกต้องแสงอาทิตย์ยามเย็นเกิดประกายวาบ
หัวใจเธอนั้นไม่ผิดเสื้อคลุมฉีกขาดในอ้อมแขน
เสื้อคลุมที่ทำด้วยใจพิสุทธิ์ บัดนี้เปื้อนเปรอะเลอะเทอะเป็นขยะจมโคลน

“เสื้อที่ตัดเย็บด้วยความรักเพื่อชายผู้เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ต้องการ
“แต่เจ้าได้เย็บเสื้อคลุมตัวนี้จนเสร็จไม่ใช่หรือ”
เธอพยักหน้าน้ำตาพรู
บนใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลา ดวงตาหญิงชราฉายแววปราณี 
“ความรักที่เจ้ารู้จัก หากมาจากคนอื่น ยังคงเป็นความรักไหม” 

วินาทีนั้น หญิงเย็บผ้ารับรู้ความจริงบางอย่าง
คลับคล้ายเธอสามารถเข้าใจมันทั้งหมด

ถ้าใครจับตาจ้องมองเธออยู่ ใครคนนั้นจักมองเห็น
บางอย่างของความจริงและบางอย่างของความรัก

ผู้จับตาจ้องมองด้วยดวงใจเปิดกว้าง จักสรุปได้ว่า 
เสียงร่ำไห้ของหญิงเย็บผ้า ... 
ได้เดินทางไปถึงสวรรค์


*