ผู้หญิง ตัวเล็กคนนั้นชื่อระวี เธอลุกขึ้นจากที่นอนก่อนระวีบนฟ้าจะปรากฏ คนตัวเล็กๆเลี้ยงลูกสองคนมาลำพังกว่ายี่สิบปี สามีโดนรถกระบะชนตายขณะนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์รับจ้าง เขากระเด็นไปชนตึกแถว รุนแรงจนสมองเละ
หลังงานศพ เธอนิ่งมองลูกสาวเล็กๆสองคนอยู่นานนับชั่วโมง แล้วเธอก็หยุดร้องไห้
*
ระ วีมีแม่เป็นอัมพฤกษ์ ลูกสาวโตขึ้นเป็นสองสาวสวย คนโตกำลังจะจบปริญญาตรี คนเล็กอยู่ปีสอง ลูกคือชีวิตจิตใจของระวี ทั้งสองเปรียบเสมือนเหรียญรางวัลที่ระวีกลัดไว้บนอกไม่ว่าในยามหลับ หรือตื่น แต่เข็มกลัดก็คือเข็มกลัด มันทำให้เธอเจ็บ บางครั้งเลือดไหล บางครั้งกลัดหนอง บางครั้งไม่มีทั้งเลือดทั้งหนอง ที่แน่ๆเข็มกลัดเกียรติยศที่แสดงออกซึ่งความภาคภูมิใจจนเรียกได้ว่าหยิ่งยะโสของคนเป็นแม่ก็ทำให้เธอปวดแปลบอยู่เกือบตลอดเวลา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ความสวยสดของลูกเหมือนดูดกลืนไปจากแม่ ระวีผอมเกร็ง ใบหน้าซีดเผือด แต่เธอมีท่าทีกระฉับกระเฉง กระตือรือร้นในการงาน ต้องเป็นผู้สังเกตการณ์ระดับเยี่ยมยอดเท่านั้นถึงจะรู้ว่าเธออ่อนล้ากับงานแม่บ้านเพียงใด งานซักรีด กวาดถูล้างขัดและทำกับข้าวสามมื้อ ความซ้ำซากเหนื่อยหน่ายแทะกินระวีไปทีละเล็กละน้อย
วันนี้ ระวีขอกลับบ้านสองชั่วโมงก่อนเลิกงาน ลูกสาวคนเล็กใฝ่ฝันอยากเป็นนักลีลาศระดับชาติ ค่าเรียนลีลาศเพื่อให้ลูกสาวไปถึงฝัน ระวีไม่กล้าจดลงในสมุดบัญชี
เธอจ้ำอ้าวแล้วออกวิ่งทันเหยียบบันไดหลังของรถสองแถว ห้อยต่องแต่งเสี่ยงชีวิตอยู่ชั่วขณะก็ตั้งหลักได้ โชคดีที่ทันรถคันนี้ จะมีเวลาเพิ่มสักหน่อยเพื่อจะแต่งตัวให้สวย ไม่ให้ลูกสาวได้อาย นึกถึงเสื้อใหม่ราคาร้อยเก้าสิบเก้าสีชมพูหม่นกับกระโปรงสีดำตัวที่ดีที่สุดที่นายหญิงให้มา เธอคงจะดูดีพอใช้ อย่างไรก็ดีกว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ ผ้าถุงกับเสื้อเก่าๆตัวนี้ ระวีไม่คิดจะตัดชุดใหม่ เธอทุ่มเทเงินสี่พันลงไปสำหรับเสื้อใช้แข่งลีลาศระดับมหาวิทยาลัยของลูกสาว
เสียงแจ๋นดังเข้าหู “แม่ ไม่ต้องห่วงหรอก แม่ไม่สบาย ชั้นจะ พาแม่ไปหาหมอ ขออย่างเดียว ไม่สบายเมื่อไหร่ ช่วยบอกเร็วๆหน่อย เข้าใจมั้ยแม่ ไม่ใช่ปล่อยไว้ยังงี้” เธอ เหลือบมองคนพูด หญิงวัยกลางคนพูดกับหญิงชราที่นั่งติดกับเธอ เมื่อเธอแก่ เธอจะไม่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับหญิงชรา ลูกสาวที่จะเป็นนักลีลาศระดับชาติอาจเป็นถึงแชมป์โลก เธอจะไม่ต้องขึ้นรถสองแถวทั้งๆที่เจ็บป่วย คนเราทำมายังไงก็ได้ยังงั้น ถ้าหญิงชราทำทุกอย่างเพื่อลูกเหมือนอย่างเธอ ก็คงไม่ลงเอยแบบนี้ เธอขยับตัวออกมาไม่ให้แขนแนบชิด
“ชั้นไม่ได้เป็นโรคติดต่อหรอก” หญิงชราพูด คนเป็นลูกสาวตวัดตาเขียวมาที่เธอ ระวีเมินมองไปนอกรถ
ถึงแฟลตที่อยู่ เธอสาวเท้าก้าวเร็วๆตรงไปขึ้นบันได ใจเธอเดินหน้ารวดเร็วกว่าร่างกาย เธอเห็นตัวเองอาบน้ำเสร็จแล้วกำลังจะแต่งหน้าแต่งตัว เธอไขกุญแจประตูห้อง แม่ที่เป็นอัมพฤกษ์ถูกขังอยู่ในห้องเท่ารูหนูจากเช้าจนค่ำเกือบทุกวัน แม้แต่ตอนปิดเทอม ลูกสาวคนโตจะออกไปทำงานเป็นพนักงานขายที่ห้างสรรพสินค้า หาเงินซื้อเสื้อผ้าและของแต่งตัวที่เธออยากได้ ลูกสาวคนเล็กต้องไปฝึกซ้อมลีลาศ ระวีเตือนตัวเองว่าเธอควรหาข้าวให้แม่กินก่อนทำอย่างอื่น
ประตูเปิด แม่คว่ำหน้าอยู่ระหว่างเก้าอี้เข็นกับเตียง เธอถลาเข้าไปประคองแม่ที่นอนอยู่ในสภาพผักอย่างที่ลูกสาวคนเล็กเรียก สีหน้าแม่บิดเบี้ยวเมื่อพยายามจะพูด “ไม่เป็นไรแม่” เธอทั้งยกทั้งดึงแม่ขึ้นบนเตียง “หิวยังแม่ ชั้นจะหาให้กิน” อันที่จริงของกินก็ทำไว้แล้วตอนเช้า แต่ถ้าใครกลับเร็ว แม่ก็จะได้กินอาหารอุ่นๆ
“แม่จำได้ใช่มั้ย ค่ำนี้หลานลงแข่งลีลาศ ชั้นต้องรีบ”
หญิงชรายกมือที่ยังยกได้โบกไล่ เป็นที่รู้กันว่าความหวังของครอบครัวอยู่ที่ไหน
ลูกสาวคนที่ลงแข่งลีลาศปิดหน้าร้องไห้อยู่ในรถแท็กซี่ เธอไม่เข้ารอบ ความหวังครั้งนี้หายไป เงินจำนวนไม่น้อยก็หายไปด้วย “ไม่เป็นไร คนเราล้มเหลวได้ทุกคน ลูกต้องเข้มแข็ง”
“แล้วทำไมไอ้คนที่ได้มันไม่ล้มเหลวเหมือนหนูล่ะแม่ แข่งทีไรมันชนะทุกที”
“ต้องมีวันของเราซักวัน”
“เนี้ย เพราะหนูไม่ได้ศึกษาเหมือนอย่างพวกมัน รู้มั้ยแม่ เนี้ย พวกมันดูวีดิโอแข่งระดับโลกกันเอาเป็นเอาตาย แล้วหนูล่ะ คอมก็มีตัวเดียว พี่เค้าเอาแต่ทำรายงาน หนูแทบไม่ได้ใช้”
ระวียกมือแอบปาดน้ำตา
“พี่เค้ากำลังจะจบ ต้องทำวิทยานิพนธ์ เอาเถอะ แล้วแม่จะเก็บเงินซื้อให้หนูเครื่องนึง”
“จริงนะแม่” ลูกสาวหยุดร้องไห้เหมือนปิดสวิทช์
“ลูกเอ้ยลูก” เธอยกมือขึ้นลูบหัวลูก ไม่ได้เห็นแววตาเวทนากึ่งดูแคลนของคนขับแท็กซี่ที่มองผ่านกระจกมองหลังมาที่เธอ
*
ลูกสาวคนโตสะสวยกว่าลูกคนเล็ก “แม่จ๋า งานที่หนูติดต่อไว้น่ะ เงินเดือนนิดเดียว สี่พันห้าเอง น้อยกว่าแม่ตั้งเยอะ”
“ก็ทำไปเถอะลูก กว่าแม่จะได้เงินเดือนหมื่นสอง แม่ก็เริ่มมาจากสองสามพัน”
“แม่ส่งหนูเรียนแทบตาย แล้วได้เงินเดือนแค่เนี้ย” เธอเบะปาก “งี้หนูไปเป็นแม่บ้านอย่างแม่ไม่ดีกว่าเหรอจ้ะ ”
ระวีตาโต หัวใจเหมือนถูกปลิด “อย่าพูดยังงั้นนะลูก พูดได้ยังไง อยากจะฆ่าแม่เหรอ แม่ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ลูกเป็นเหมือนอย่างแม่ แม่ไม่มีทางเลือก แต่ลูกมี”
“ทางเลือก ที่จริงหนูก็มีทางเลือกอยู่มั่งหรอก ไว้ให้หนูคิดดูก่อนแล้วจะบอกแม่นะ”
ลูกสาวคนโตเลือกทางของเธอและจากไปทำสิ่งดีๆให้กับโลก กินอยู่ฟรี มีอนาคต แต่ไม่มีเงินเดือน อย่างน้อยเธอก็ได้ทำสิ่งที่เธออยากทำ จากนี้เธอจะได้อยู่อย่างชิดใกล้กับชายคนรัก
สิ่งเดียวที่ได้มาเมื่อลูกสาวคนโตจากไปคือพื้นที่ใช้สอยในห้องแคบๆเพิ่มขึ้น ห้องที่เป็นของเธออย่างแท้จริงตราบเท่าที่ยังจ่ายค่าเช่า
*
ลูกสาวคนเล็กพาเพื่อนชายมาที่ห้องไม่ใช่เพราะอยากให้ยายกับแม่รู้จัก แต่เพราะเขาตะโกนใส่หน้าเธอว่า “ทำไมผมไปบ้านเธอไม่ได้ อยู่กับผู้ชายเหรอไง” บทพิสูจน์ที่ต้องพิสูจน์
หลัง พบหน้ายายและแม่ เขาก็นั่งนิ่งอย่างอึดอัด ระวีทำกับข้าวที่ระเบียงเล็กข้างหลัง ไม่งั้นกลิ่นอาหารจะอบอวลจับตัวเป็นน้ำมันอยู่ในห้องที่ใช้เป็นทั้งห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน ห้องรับแขกและห้องนอน เธอน่าจะชวนเพื่อนของลูกกินข้าวเย็น ระวีเปิดประตูไม้อัดบวมเปื่อยเข้ามาในห้อง
เธอยืนตัวแข็งฟังลูกสาวพูดกับเพื่อนชาย
“เนี้ย พูดทำมาย รู้ละๆ เค้าฝึกเต้นแทบเป็นแทบตายไม่ใช่เพราะจะไปให้พ้นๆหรอกเหรอ”
ยายส่งเสียงร้องตกๆหล่นๆอยู่บนเตียง
ระวีถอยกลับออกไป ค่อยๆตักกับข้าวใส่จานอย่างเงียบๆ