.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
๑.
ภาณุราชันย์เดินทางมาถึงอย่างเงียบกริบ
ทรงเบือนพระพักตร์ทักทายเทพธิดาแห่งรัตติกาล
นานเพียงใดที่สวนทางกันเช่นนี้ร่ำไป
ชั่วกัปชั่วกัลป์นั่น ฤา จักสิ้นสุด
การเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบก่อเกิดสัมผัสบางเบาผ่านเพียงผิว
กระนั้นเพียงพอต่อการดำรงอยู่ของผู้ตระหนักรู้ชะตากรรม
.
ก้าวย่างสู่ช่วงเวลาผ่อนพักสุขสงบเถิด ดรุณีฟากฟ้า
ในนิทรารมณ์อ้างว้าง หากยังมีความหวังใดหลงเหลืออยู่บ้าง
ฉันอาจปรากฏในฝันของเธอ
.
๒.
โลกจงตื่นเถิด
พลังแสงสว่างยิ่งใหญ่แห่งจักรวาลวาดเท้าเข้ามาให้ชีวิต
... เงียบเชียบ ... เรียบง่าย
ปราศจากวงดุริยางค์บรรเลงเพลงเกียรติยศนำทาง
ค่อยเยื้องย่างอย่างแน่วแน่แม้เชื่องช้า
ด้วยทุกวินาทีถูกคำนวณไว้สิ้น
แสงแห่งเรารินรดหยดหยาดชีวิตบนโลกที่รอคอย
นับแต่สิ่งมีชีวิตเล็กจนตามองเห็น ถึงต้นสนบนเขาสูงเสียดฟ้า
มนุษย์อยู่ระหว่างนั้น
ไม่เคยเป็นที่สุดของสิ่งใด
ไม่ว่าที่สุดความกระจ้อยร่อยหรือโอฬาร
คาดหวังว่าพวกเขาจักมิลืม
.
.
.
.
~
มนุษย์อยู่ระหว่างนั้น ไม่เคยเป็นที่สุดของสิ่งใด
ตอบลบไม่ว่าที่สุดความกระจ้อยร่อยหรือโอฬาร
คาดหวังว่าพวกเขาจักมิลืม
(จัสมิน)
รู้แต่เหมือนลืม
ดื่มแต่เหมือนจิบ
เสียงกระซิบจากมโนสติ
แผ่วเบา
จนเราไม่ได้ยิน