ดวงตาคู่นั้นเป็นที่เก็บดาวสองดวง
หลับตาเสียเถิด เสียงท่านผู้เฒ่าร้องบอก
ฟ้าโรยกำมะหยี่สีดำลงห่มบ้านเราแล้ว
เธอปิดเปลือกตา ดวงดาวลับหาย
เปลือกตาปิดสนิท
กระนั้นน้ำเอ่อท้นจากทะเลใน
ล้นรินจากเปลือกตาที่ปิดสนิท
เธอพึมพำบอกตนเอง
น้ำตาไม่ใช่ของฉัน
หากเป็นน้ำตาดวงดาว
แว่วเสียงผู้อาวุโสร้องบอก
ไปเถิดทหาร อย่าลืมปืนคู่มือและบรรดาอาวุธคู่กายเจ้า
รีบไปเสียก่อนที่ประตูเมืองจะปิดตาย
...
ฟ้าโรยกำมะหยี่สีดำลงห่มบ้านเราแล้ว
เธอปิดเปลือกตา ดวงดาวลับหาย
เปลือกตาปิดสนิท
กระนั้นน้ำเอ่อท้นจากทะเลใน
ล้นรินจากเปลือกตาที่ปิดสนิท
เธอพึมพำบอกตนเอง
น้ำตาไม่ใช่ของฉัน
หากเป็นน้ำตาดวงดาว
แว่วเสียงผู้อาวุโสร้องบอก
ไปเถิดทหาร อย่าลืมปืนคู่มือและบรรดาอาวุธคู่กายเจ้า
รีบไปเสียก่อนที่ประตูเมืองจะปิดตาย
...
ชายหนุ่มดุ่มเดิน เงยหน้ามองฟ้าสีดำ
รัตติกาลกำลังทำหน้าที่ของมัน
รัตติกาลกำลังทำหน้าที่ของมัน
ผู้คนเอนกายลงหลับนอน
เขาออกเดินทาง
คืนนี้เป็นคืนแรม
ยิ่งฟ้ามืดเท่าไร ...
ดาวประจำเมืองยิ่งเจิดจ้าขึ้นเท่านั้น
ยิ่งฟ้ามืดเท่าไร ...
ดาวประจำเมืองยิ่งเจิดจ้าขึ้นเท่านั้น
แสงดาวสั่นพร่าเพราะหยดหยาดน้ำตาที่บ่าไหล
เขาเดินออกจากเมือง ทิ้งประตูที่ลั่นดาลไว้เบื้องหลัง
...
หญิงสาวลืมตาตื่นเพียงยินเสียงขันแรกของไก่บ้าน
เธอกระวีกระวาดออกสู่นอกชาน
ทอดสายตามองสวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่เขาปลูกไว้
ดวงตาคู่นั้นกลายเป็นที่เก็บแปลงดอกไม้
ประตูเมืองปิด เปลือกตาพริ้มสนิท
เธอปิดเปลือกตาทุกคราราตรีมาเยือน
และลืมตาตื่นเพียงยินเสียงไก่ขันครั้งแรกในยามอรุณ.
*
เขาเดินออกจากเมือง ทิ้งประตูที่ลั่นดาลไว้เบื้องหลัง
...
หญิงสาวลืมตาตื่นเพียงยินเสียงขันแรกของไก่บ้าน
เธอกระวีกระวาดออกสู่นอกชาน
ทอดสายตามองสวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่เขาปลูกไว้
ดวงตาคู่นั้นกลายเป็นที่เก็บแปลงดอกไม้
ประตูเมืองปิด เปลือกตาพริ้มสนิท
เธอปิดเปลือกตาทุกคราราตรีมาเยือน
และลืมตาตื่นเพียงยินเสียงไก่ขันครั้งแรกในยามอรุณ.
*
แรงบันดาลใจมาจากวรรคหนึ่ง ใน ปิดดวงตาก่อนฟ้าปิดประตูเมือง
ตอบลบโดยคุณสายฝน กวีพานแว่นฟ้า
ผู้นำบทกวีกลอนเปล่าเข้าไปรับรางวัลเป็นครั้งแรก ..
...
ดวงตา
ตอบลบที่เก็บดวงดาว
แปลงเก็บดอกไม้
...
:)
ดีใจที่จันทร์มาอ่านบทนี้ค่ะ ...
ตอบลบเขียนขึ้นใหม่ .. แล้วก็ยังไม่ได้เอาไปลงที่อื่น .
ชอบบบนะคะบทนี้
จัสทำให้อยากเขียนบทกวี เขียนเองไม่ได้
ตอบลบศศิเลยเอาบทกวีของไพวรินทร์บนโต๊ะมา
ตี้ต่างแทนทหารหนุ่ม ^^
________________________________________________
รอยร้าวมิรับรู้ฤดูกาล ไพวรินทร์ ขาวงาม
ในสายฝนฝนสาดกระหน่ำซัด
ในสายลมลมพัดกระพือกล้า
ในสายแดดแผดร้อนมิรู้รา
ในสายใจใบ้บ้าและบอดบัง
ฝนชะบาดแผลให้บาดเจ็บ
ลมเหน็บรอยหนาวในผิวหนัง
แดดเดือดระอุกริ้วจนผิวพัง
ใจหวังสิ่งใดไม่ได้เลย
วานนี้ใฝ่ว่าจะฝ่าฝัน
ฝ่าไป่นิรันดร์อันเปิดเผย
ฝันว่าไม้ดอกจะงอกเงย
กลับไม่เคยเห็นมันตราบวันนี้
รอหวังอีกวันที่ฝันใฝ่
รอวันฝันให้ดอกไม้คลี่
รอคอยประกายไฟในราตรี
รอรับบทกวีคีตการ
กัดดินกินทรายระบายโศก
ถีบโลกเท้ากระทุ้งคล้ายฟุ้งซ่าน
โลกดุจทางที่ทำด้วยน้ำตาล
รอมดผ่านมาติดชีวิตตาย
ในสายฝนคนหิวก็โหยหิว
ในสายลมโลมริ้วหิวฤาหาย
ในสายแดดหิวหาตาพร่างพราย
ใจหม่นทุรนทุรายตลอดมา
ฤๅเลิกรอดอกไม้บานในฝัน
ไปมุ่งสร้างสวนสวรรค์ไปฟันฝ่า
ไปตีหินประกายไฟฉายดวงตา
ไปเริงร่าเพลงกวีที่กังวาน
ข้ามฤดูทุกฤดู ฤดูร้าว
ทุกย่างก้าวหันหลังเห็นทางผ่าน
รอยร้าวมิรับรู้ฤดูกาล
คงแต่รอยร้าวรานผ่านฤดูฯ
__________________________
พบทางร่วมร่วมทางอักษรจนได้นะจัส ^^
ขอบคุณคุณไพวรินทร์ด้วยนะคะ
เข้ามามองปราดเห็นภาพนี้เลยค่ะ
ตอบลบจัสเปลี่ยนภาพใหม่
เหมาะกับบทกวี
เอ้ จำรูปเก่าไม่ได้
อะไรน้า..
รูปเก่าเป็นรูป ballerina ยืนเขย่งเท้าอยู่บนสะพาน
ตอบลบภาพนี้สวยจริง ๆ แต่ภาพเก่าก็สวย
*
ขอบคุณค่ะจัสที่มาบอก จำได้ละ
ตอบลบชุดบัลเลต์สีเทา สวยเหมือนกัน
ภาพนี้เหมาะกว่า ดวงตานี้เป็นที่เก็บดาวสองดวง
เป็นภาพเล็กที่ข้างๆยังสวย ชัดอ่ะ