เสียงฮัมเพลงแผ่ว ๆ แว่วมาให้ได้ยิน ฉันสัมผัสด้วยหัวใจเคยคุ้น
ขณะเพลินมองขบวนยาวเป็นระเบียบของเหล่ามดดื้อ
พวกมันเดินแถวสู่กรวยหวานตะเบบูญ่าที่ร่วงลงคลุมดิน
เสียงฮัมเพลงเงียบไปแล้ว ฉันเงี่ยหูฟัง
คาดหวังเสียงบ่นพึมพำต่อว่าเครื่องพิมพ์ดีดชราภาพ
ผู้รับใช้แสนขี้เกียจแต่ซื่อสัตย์ของคุณ
จากบนเสื่อใต้ร่มตะเบบูญ่า...ฉันนึกเห็นคุณยกถ้วยกาแฟดำขึ้นจิบ
ก่อนก้มหน้าก้มตากดแป้นพิมพ์...
ตัวหนังสือคลี่บานเต็มทุ่งกระดาษแห่งความจริง
ซึ่งก่อนหน้าเป็นได้เพียงดอกไม้ตูมเต่ง ในทุ่งหญ้าแห่งฝันและจินตนาการ
ตัวหนังสือเหล่านั้น ตัวหนังสือที่ฉันรัก
ยามคุณเหลือบแลผ่านหน้าต่างไม้เปิดกว้าง
ใต้ผ้าคลุมบางเบาขาวอมเทาสายหมอก
ฉันที่คุณเห็นอาจสลัวลัวรางเหมือนภาพฝัน
อาจงดงาม...อาจมัวหม่นจนน่าหวั่นหวาด
กระนั้น โดยปราศจากการคาดเดา เราต่างตระหนักถึงรูปนามที่มีแก่นสาร...
และจับต้องได้
สัญญา... จะไม่หนีหายไปไหน
หากไม่บังอาจสัญญาในสิ่งเกินการควบคุม
ไม่ว่าความตาย...หายสูญ...ตกหล่น
หรือด้วยความจำเป็นอื่นใดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
รู้เพียงว่า...จะก้าวเดินไปอย่างมั่นคง ระมัดระวัง...
ทนุถนอมแต่ละวันนี้ ให้ดีที่สุด
เติมวันให้เต็ม.. ทีละวัน ทีละวัน
จนถึงวันนั้น...
วันนั้นจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้
แต่คงขึ้นอยู่กับสิ่งดี ๆ ที่เราทำ
การเดินทางสำคัญกว่าจุดหมายปลายทาง
ตราบคนเดินทางยังคงรื่นรมย์อยู่กับการก้าวเดิน
~
.
.
.
.
เขียนไว้เมื่อธันวา ปีไหนนะ ...
ตอบลบใช่ ..
December, some years ago.
.
ฉันชอบตะเบบูญ่าที่นี่
ตอบลบเพราะพิเศษกว่าที่ไหนๆ
เป็นที่แรก เป็นที่เดียว ที่ขึ้นใจ
ขึ้นแล้ว ยากล้มหาย ตราบใจยัง
^^
ชอบทั้งหมดเลยค่ะ แต่ชอบประโยคนี้มากทีเดียว
"ตัวหนังสือคลี่บานเต็มทุ่งกระดาษแห่งความจริง"
..........
พี่จัสคะ ข้างบนนี่ม่ายช่ายกวีร่วมนะคะ
แค่ความคิดเห็น
ดูซิ มาบ้านกวี จะเขียนความเห็นนี่ยังแปรไหวเป็นสายกลอน
แล้วจะมาเขียนกวีร่วมคำ ร่วมความนะคะ ^^
มือสองข้างกระชับแน่น
ตอบลบท่ามกลางก้าวเดินที่เหินห่าง
ฉัน และเธอถูกกฎเกณฑ์แห่งความรู้สึก
พันธนาการและบีบรัด
และถูกห้วงเวลาแห่งธรรมชาติ
ฉุกกระชากให้แยกออก
โดยไม่เคยรู้สึกตัว
โดยไม่เคยรู้สึกตัว
ฉันยังคงจับมือเธอ
เช่นก้าวเดินก้าวแรกนั้น.
เพิิ่่งได้อ่านงานของ ลูเซียน บลาก้า มา
ชอบมาก ลิญเคยอ่านไหมครับ?
คาดว่าลิญต้องชอบมากเช่นกัน :))
ปล. มีตะเบบูญ่าด้วย
ขอบคุณติสต์ที่มาเยี่ยมตามคำเชิญ ..
ตอบลบแล้วยังเขียนบทกวีร่วมอีกด้วย .. ขอบคุณค่ะ
จับไว้ให้แน่น ๆ นะคะ มือใครในมือเรา ^^
ลูเซียน บลาก้า ติสต์อ่านเล่มไหนเหรอคะ
หนังสือชื่ออะไร ? มี ตะเบบูญ่าซะด้วย ^^
สามสี่ปีก่อน เคยมีเล่มเล็ก ๆ ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ
หนังสือชื่ออะไรก็จำไม่ได้ แถมไม่ได้เอากลับมาซะด้วย
จำได้ว่า เป็นกวี หรือนักคิด นักปรัชญาชาวโรมาเนียน
ใช่หรือเปล่า ?
แต่ที่จำได้แม่น คงไม่ผิดนะ
คือเขาได้รับการเสนอชื่อ และกำลังจะได้รางวัลโนเบล
แต่ถูกรัฐบาลคอมมิวนิสต์แห่งโรมาเนียคัดค้านด้วยเหตุผลทางการเมือง
เลยตกไปเลย
เรื่องนี้เชื่อว่าจำไม่ผิดนะคะ
อย่าลืมบอกชื่อหนังสือด้วย
ที่จริงหนังสือท่วมหัว แต่ไม่ได้เปิดอ่าน ค้างอยู่เยอะเลย
ไม่นานคงส่งห้องสมุด เพราะไม่ได้อ่าน
ขอบคุณที่แวะมาอาคุงติ๊ก ^^
...
ใช่แล้ว เขาคือคนนั้น :))
ตอบลบผมอ่านรวมบทกวีของเขาครับ
มีแปล สำนวนของ อ.มนตรี อุมะวิชนี เล่มเล็กๆ ภาษาสวยๆ
น่ารักสุดๆ ชื่อ 'บทกวีร้อยปีของ ลูเซียน บลาก้า'
หนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษหาไม่เจอเลยนะ
มีแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสเล่มเดียวเอง
เฮ้อ.. ห้องสมุดธรรมศาสตร์ช่างว่างเปล่า
:(
ขอบคุณติสต์ที่มาบอกชื่อหนังสือค่ะ ^^
ตอบลบพอได้ยินว่าเป็นหนังสือบทกวีเล่มเล็ก ๆ ภาษาสวย ๆ ก็ตาโต
ชีวิตเวลานี้เหมาะกับหนังสือเล่มเล็ก ๆ ภาษาสวย ๆ จริง ๆ ด้วย
เมื่อสองสามคืนก่อนติดตามสารคดีเรื่องหนึ่งของคนหนุ่มสองคนที่ทำหนังสั้น คณะกรรมการว่า หนังอย่างเธอทำไม่มีทางได้ไปเมืองนอกหรอก !
เขาได้ไป ! ได้รางวัลที่เยอรมันนีด้วยค่ะ ^^
ทำไมถึงเล่าเรื่องนี้ ก็เพราะติสต์พูดถึงห้องสมุดธรรมศาสตร์
ที่เยอรมัน บุคคลทั่วไปสามารถเข้าไปใช้ห้องสมุดในมหาวิทยาลัยได้โดยไม่เสียเงิน
เช่นเดียวกับเอแบค และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
แต่ที่จุฬา ธรรมศาตร์ และเกษตรศาสตร์ ต้องเสียค่าบริการยี่สิบบาท !
ขอให้ห้องสมุดธรรมศาสตร์ไม่ว่างเปล่า เต็มแน่นก่อนติสต์จบนะคะ ...
...
...
ตอบลบฉันยังคงจับมือเธอ
เช่นก้าวเดินก้าวแรกนั้น. ... (มนุษย์แปลกหน้า)
~
วันวาน ฉันรับรู้.. มือเธอยังคงจับจูง
พาฉันก้าวเดินไปบนถนนสายเก่า
ทางเป็นของเรา
ไม้ใหญ่สองข้างทาง ต้นหญ้า แสงแดดอ่อน
...ก็เช่นกัน
วันคืนอันรุ่มรวย
เสียงกระซิบกระซาบโดยสารมากับเม็ดฝน
เสียงบอก ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น ไม่มีใครเป็นเจ้าของสิ่งใด
เธอว่า แต่ฉันเป็นเจ้าของเธอ
ฉันว่า ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร
ทุกอย่างเหล่านั้นกับเรา เป็นของกันและกัน
ฉันไม่เหลือบมองมือเธอที่เกาะกุม
ไม่ ...
ฉันเพียงรู้สึกถึงการเกาะกุมนั้น
ทุกวันฉันไปทุกแห่งพร้อมดอกกุหลาบ
กุหลาบสีขาวที่มองไม่เห็น
เช่นเดียวกับมือของเธอ ~
...
ขอบคุณ"มนุษย์แปลกหน้า"ค่ะ ^^
..
เช่นเดียวกับมือของเธอ
ตอบลบฉัน,สวมกอดไออุ่นโอบอุ้มอ้อมแขน
ดอกกุหลาบขาวนวลแห่งวันวาน
และห้วงยามความคำนึงของวารวัน
เราหลับตาทุกย่างก้าว
ด้วยฝีเท้าเนิบช้าสลับจังหวะระคน
สัมผัสความไม่ลงตัวของชีวิต
พลันรอยยิ้มปรากฏซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขณะที่เรา,
ต่างสะดุดล้มอย่างพร้อมเพรียง.
เราต่างสะดุดล้มอย่างพร้อมเพรียง (มนุษย์แปลกหน้า)
ตอบลบ...
การสะดุดล้มบนถนนสายความทรงจำ
เกิดขึ้นที่นั่น ฉัน-เธอไม่จำต้องเหลียวมอง
สิ่งที่ควรอยู่กับเรา อยู่กับเราแล้ว
ในความทรงจำ
ความรักไม่ได้อ่อนแอ เหนื่อนล้า สิ้นแรง
เราต่างหาก
วันนี้
ฉันไปทุกแห่งพร้อมกุหลาบขาวที่ไม่มีใครมองเห็น
แม้ไม่รู้สึกถึงการจับจูงของเธอ
สองเท้ายังคงก้าวเดินไปบนถนนนามปัจจุบัน
ฉันมองไปข้างหน้า
ฉันเห็น
หลายสิ่งหลายอย่างนำรอยยิ้มสู่ความรู้สึก สู่ดวงตา
ฉันมอง ... ฉันเห็น
และฉันยิ้ม
ฉันพอใจ วันนี้ดีเท่าที่ดีได้
แล้วเธอ ...
ขณะพักผ่อนในห้องหับแห่งความสามัญอันปกติ
เธอคงหลับสนิทและฝันดี
ฉันหวังให้เป็นเช่นนั้น.
...
:D เขียนบทนี้เป็นไงบ้างคะติสต์ ^^
...
ชอบครับๆ
ตอบลบฉันมอง ฉันเห็น ฉันยิ้ม
เหมือน ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง..
:))
^^
ตอบลบดีใจ
.
^^
ตอบลบ^^
^^
^^
^^
.................
แล้วจะมาเขียนร่วมด้วยนะคะทั้งสอง
จากรวงรังใต้ร่มตะเบบูญ่า
ตอบลบที่บ้าน .. บนลานตะเบบูญ่าต้นนั้น ..
ทุกเหมันตฤดูที่ผ่านมา และผ่านไป
ฉันยังคงปูเสื่อใต้ร่มเงาเธอ
มือคว้ากระดาษและปากกาจากตระกร้าหวาย
เขียนสิ่งที่พบเจอ ที่เห็น ที่คิด
ลงบนแผ่นสีขาว
ครั้งวสันตฤดูมาถึง ..
ฉันทอดสายตามองผ่านบานหน้าต่างที่เปิดกว้าง
ตะเบบูญ่ายืนต้นนิ่ง ผ่านลมสงบ และพายุ
ผ่านท้องฟ้าเกรี้ยวกราด ฝนโรยสาย ฝนกระหน่ำ
เธอยังคงยืนหยัด อย่างเงียบงัน
ฉันมอง และฉันเห็น ทุกสิ่งซ้ำซาก
ทุกอย่างเดินหน้าไปในท่วงทำนองและจังหวะ
เช่นที่เป็นมา
ผู้คนสัญจร ผ่านมาและผ่านไป
ฉันคว้ากระดาษและปากกาจากตระกร้าหวาย
แล้วเขียนคำ ท่ามกลางความเงียบงันที่คงเดิม
~
เขียนร่วมมนุษย์แปลกหน้า 27 สิงหาคม 10
หวานในเนื้อ
ตอบลบเป็นธรรมชาติที่สุด
ดีใจที่ได้อ่านอ่าน
กล่อมเกลา กล่อมเกลา
^^
หอม
ตอบลบตะเกียงคู่เคียงสว่างกระจ่างใส
แกว่งไกวไหววับจับบ้านขาว
เปล่งประกายเจิดจ้า...พร่าพราว
คล้ายสองดาวเคลื่อนคล้อยลอยลงมา
กุหลาบขาว...
ตัดดอกสาวก่อนอาบซาบอุษา
น้ำค้างกลิ้งบนกลีบระยิบตา
คลับคลา หอมคุ้นกรุ่นดอกนวล
เรือกุหลาบ... จากขอบฟ้า สู่ขอบฟ้า
นำช่อมัทนา จากสวน
ลอยละล่องท่องไกลไร้กระบวน
กุหลาบล้วนส่งไปให้ถึงมือ...
เรือลำเปล่า...
กลับมาเล่าแม้ไม่มีตัวหนังสือ
มีแต่เพียงเรื่องเขาเอามาลือ
รอยยิ้มคือรอยคำในตำนาน
หอมใดไม่เท่าหอมรัก...
หอมนักหอมจริงหอมหวาน
หอมอุ่นหอมเย็นหอมนาน
หอมซึ้งหอมซ่านบ้านหัวใจ
~
บทกวีบทนี้ ~เธอ ฉัน และบ้าน~ช่างแสนรัก ..
ตอบลบรวมถึงคอมเมนท์และบทกวีเขียนร่วม..
ขอบคุณติสต์ด้วยค่ะ
มนุษย์แปลกหน้ากับตัวเอง แต่ไม่แปลกหน้ากับลิญจน์
~
บทกวีชุดตะเบบูญ่านี่ สุดยอดทุกบท ( ถอนหายใจ) ไม่ได้อยากชมนะจัส
ตอบลบแต่ทำไงได้ เธอ ฉัน และบ้าน
พูดไม่ออก
เห็นภาพชัดเลย
อบอุ่น หวานในเนื้อ
อวล
พูดไม่ถูกค่ะจัส
ตะเบบูญ่า และ เธอ
ตอบลบ...
ขอพกพาบทกวีนี้ไปด้วย
อ่านเป็นบทสุดท้ายของวันนี้
อ่านแล้วตามติด
โผล่มาให้นึกถึงบ่อย
เห็น เธอ และ ตะเบบูญ่า
:)
สุข สงบ สบาย
ยังไงก็ต้องรีบกลับ
เสาร์อาทิตย์คิดถึง
แม้อยู่บ้านตัวเอง