ลมเช้าหอบกลิ่นสนจากยอดภูสู่เมืองหลวง
“ดอกสักกำลังบาน” เพราะคุณมอง ฉันจึงได้เห็น
เสียงกีต้าร์พริ้วท่วงทำนองเพลงที่ตระเตรียมไว้แล้ว
ฉันเอียงหูฟัง
สายลมร้องเพลงสายลม
*
เราต่างเดินทางไกลไปเส้นขอบฟ้าคนละฝั่ง
ฉัน กระพริบตาถี่ๆ
ดวงตาคงปรารถนาโบยบินด้วยปีกขนตา
ตามความคิดคำนึงไปติดๆ
*
“ตื่นเช้ามาฟังเสียงนกนะ”
นาฬิกาปลุกหายไปจากชีวิต
ไม่มีเช้าที่รีบร้อนอีกต่อไป
ฉันมีเวลาเกินพอที่จะชมงามดอกม่วงเช้า
หลังผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายฤดู
ถึงวันนี้ พวกเธอแตะแต้มสีม่วงอ่อนไปทั่วผืนหญ้า
ฉันมีเวลาฟังเสียงนก
และฟังเสียงคุณ
*
รู้ไหม สายลมยังคงกระซิบกระซาบคำถ้อย
จำได้ไม่ลืม หลายสิ่งเล็กน้อย
ดอกไม้ดอกจ้อยข้างกาน้ำชา ใครนะแอบมาวาง
ดินสอที่คุณหลาวให้ คั่นไว้บนความว่างเปล่าของหน้ากระดาษ
บทกวีในอากาศ ไม่ช้า ฉันจะอ่านให้คุณฟัง
*
ชีวิตเล็กๆ ในโลกเล็กๆ ที่เงียบสงบ
ฉันปรายตามองหน้าต่าง หวังพบคุณเมียงมองอยู่หลังม่านมู่ลี่ไม้ไผ่
เมื่อไร ฤดูหนาวจะมาถึง
ฉันเห็นภาพคุณก้มๆเงยๆซุนฟอนไฟ
ฟืนแตกเปรี๊ยะๆ ลูกไฟเล็กๆกระจายสีทองในค่ำคืนมืดมิด
ความอบอุ่นแทรกผ่านห้วงอากาศเย็นเยือกสู่ผิวกาย
ก้อนน้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำผึ้งใต้แดดบ่าย
*
ความคิดถึง ไม่เคยโดยสารพาหนะใด
ฉันกระพริบตาถี่ๆก่อนหลับตา
เสียงฮัมเพลงแผ่วๆ แว่วมาให้ได้ยิน
..
ไม่ช้า ดอกไม้บางดอก บทกวีบางบท
คุณจะวางไว้ข้างกาน้ำชา
.....