|
วาดบทกวี โดย จัสมิน / Painting Poem by Jasmine |
ฉันกำลังจะวาดภาพลงบนแคนวาส หากยังรั้งรอ ใช้เวลาไปกับการแสวงหาความรู้และฝึกฝนกับโปรแกรมในคอมพิวเตอร์
ความรู้งู ๆ ปลา ๆ ของฉันจะทำให้ผืนผ้าใบสีขาวที่ขึงตึงอยู่บนกรอบต้องเสียหายไหมนะ
ฉันตั้งคำถาม
แต่ไม่ว่าอย่างไร ฉันจะลงมือวาดภาพลงบนแคนวาสอย่างแน่นอน
ทำไมฉันจึงเขียนบทกวี ทำไมฉันจึงวาดภาพ
ทำไมฉันจึงชอบอยู่คนเดียวเท่า ๆ กับที่ชอบอยู่กับผู้คน
ที่บางช่วงเวลาอาจสุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง
แน่นอนคำถามเหล่านั้นไม่ได้มาจากฉัน
ฉันรู้ดีว่าฉันทำสิ่งเหล่านี้เพราะอะไร
สำหรับฉัน การแสวงหาความสุขไม่สำคัญเท่าการอยู่อย่างเป็นสุขและรักษามันไว้
ความสุข เราหาได้จากข้างนอก มันไม่ผิดหรอกที่เราออกไปหามัน
ความสุขที่ข้างนอกมีปัจจัยอื่นประกอบมากมาย ดังนั้นมันจึงขึ้นอยู่กับคนอื่น คนอื่น ๆ
สิ่งอื่นและและสิ่งอื่น ๆ
ในขณะที่การอยู่อย่างเป็นสุขไม่ขึ้นกับปัจจัยภายนอกใด ๆ เพราะอยู่กับตัวเราเอง
ความเงียบเป็นสิ่งมีค่า เช่นเดียวกับความสันโดษ
ปัญญา ความคิดทางปรัชญา ศาสนาได้มาจากความสงบนิ่ง พบหนทางและแนวปฏิบัติให้คนได้ยึดถือ
ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงรักความเงียบยิ่งนัก
ความเงียบทำให้ฉันได้ยิน
ท่ามกลางช่วงเวลาของความสันโดษทำให้ฉันเห็น
ฉันได้ยินเสียงของตัวเอง และใคร ๆ ทั้งใกล้และไกล
ฉันเห็นตัวเอง และใคร ๆ ทั้งที่สำคัญและไม่สำคัญ ทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็น
ทั้งที่รักและเฉย ๆ
จนในที่สุด ฉันก็พบว่า ใคร อะไร อย่างไร ที่ไหน ทำไม ที่ฉันนึกถึงบ่อย ๆ
ล้วนเกี่ยวข้องกับคนที่ฉันรัก ที่รู้จักตัวตน ทั้งที่พบเจอและไม่พบเจอ
เราทำสิ่งต่าง ๆ ที่เรารักที่จะทำ มีความสุขที่จะทำ ทำแล้วเป็นสุข
สิ่งเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่สำหรับฉัน
ที่มีความเป็นไปได้ที่จะยิ่งใหญ่ขึ้นหากมีความหมายต่อใครอีกคน หรือหลาย ๆ คน
เราไปสถานที่ ๆ เราอยากไป คุยกับคนที่อยากคุย พบคนที่เราอยากพบ เลือกทำสิ่งที่อยากทำ ซึ่งเราทำหรือเลือกไม่ได้ในชีวิตกิจวัตรประจำวัน
สิ่งที่ฉันทำ กำลังทำ และจะทำ ไม่ใช่หนทาง มันเป็นเส้นทาง
หลาย ๆ ความฝันเล็ก ๆ ฉันทำให้เป็นจริง
และบางความฝันใหญ่ ๆ ฉันก็ทำให้เป็นจริงมาแล้ว
ฉันจึงเชื่อในความฝันและการกระทำ
การรอคอย หรือล้มลุกคลุกคลานเป็นเพียงส่วนประกอบย่อย ๆ เป็นรสชาติเท่านั้นเอง
ฉันพบเจอว่าการรอคอยมันไม่ย่ำแย่เมื่อการรอคอยนั้นสิ้นสุดลง
ส่วนเรื่องล้มลุกคลุกคลานฉันจำมันไม่ได้
แต่ก็นั่นละ สิ่งที่ฉันทำไม่ได้ยิ่งใหญ่ ฉันเพียงแต่ทำสิ่งที่ฉันรักไปเรื่อย ๆ
ฉันวาดภาพในคอมพิวเตอร์มาหลายภาพแล้ว และกำลังจะวาดภาพลงบนแคนวาสที่ว่างเปล่า
ฉันเรียนรู้ ฝีกฝนจากผู้รู้
ระหว่างวาดทิวทัศน์ ฉันนึกถึงคำของวินเซนท์ แวน กีอกห์ ที่ฉันชื่นชม เขาว่า
"ฉันวาดนัยน์ตาคนดีกว่าที่จะไปวาดภาพทิวทัศน์พวกนั้น"
ฉันรู้สึกผิด ปลอบโยนตัวเองว่า วินเซนท์ก็วาดภาพทิวทัศน์พวกนั้นบ้างเหมือนกัน
เขาเลือกภาพที่จะวาด ส่วนฉันไม่มีทางเลือกมากนัก
ก่อนเขียนเรื่องเล่านี้ ฉันเข้าไปอ่านถ้อยคำที่เป็นที่น่าจดจำเกี่ยวกับศิลปะ
คำของโฮเรซ นักปรัชญาที่ปรึกษาฉันในเรื่องสั้น "บนจุดตัดของเส้นรุ้งเส้นแวงสองเส้นนั้น" กระทบใจฉันอย่างแรง
เป็นถ้อยคำที่ฉันตั้งเป็นชื่อภาพวาดข้างบน "วาดบทกวี"
มันเป็นถ้อยคำที่มาจากความคิดเดียวกัน
"A picture is a poem without words."
Horace
"ภาพคือบทกวีที่ปราศจากถ้อยคำ"
โอ โฮเรซ ฉันรักท่าน
ฉันยังพบอีกว่า เลียวนาร์โด ดา วินชีพูดไว้คล้ายกัน
"ภาพวาดเป็นบทกวีที่ให้เห็นแทนให้รู้สึก บทกวีคือภาพวาดที่ให้รู้สึกแทนให้เห็น"
Painting is poetry that is seen rather than feel and poetry is painting that is felt rather than seen.
Leonardo da Vinci
ฉันทำทั้งสองอย่างเลย
ฉันกำลังจะลงมือวาดรูปบนแคนวาส
คำของวินเซนต์ปรากฎอยู่บนจอ
If you hear a voice within you say you cannot paint, then by all mean paint, and that voice will be silence.
Vincent Van Gogh
"เมื่อเสียงจากข้างในบอกเธอว่า เธอวาดไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไร จงวาด แล้วเสียงนั้นจะเงียบลง"
เขายังบอกด้วยว่า
It is good to love many things, for
therein lies the true strength, and whosoever loves much performs much,
and can accomplish much, and what is done in love is well done.
Vincent van Gogh
มันดีที่รักหลายสิ่งหลายอย่างเพราะที่นั่นมีความแข็งแกร่งที่แท้จริง และคนทีรักมากจะทำมาก และสามารถบรรลุผลมาก และสิ่งที่ทำด้วยความรักเป็นสิ่งที่ดีแล้ว
ในเมื่อบุญบาปข้ามชาติภพได้
ความรู้ย่อมข้ามชาติภพได้เหมือนกัน
นักเขียน คนเขียนบทกวี ผู้สังเกตการณ์ นักวาดตัวเล็ก ๆ อย่างฉัน
หยุดทำสิ่งที่รักไม่ได้ เป็นสุขกับการได้ทำ
ความรักอยู่ที่ไหน ความสุขอยู่ที่นั่น
ใครเล่าจะปฏิเสธ ไม่ใช่ฉันเป็นแน่
*