ฉันบอกคุณ หรือเป็นคุณที่บอกฉัน
ความลงตัวเป็นเรื่องของจังหวะเวลา
ยามสายที่มีแดดวันหนึ่งในเดือนกันยา
เดือนที่ฝนตกหนักเกือบทุกวัน
ฉันแหงนหน้ามองฟ้าผ่านต้นปีบ หวังอ่านบทกวีที่เธอเขียนไว้บนนั้น
พลันเห็นรังนกรังใหญ่ ฉันไม่รู้หรอกว่าเป็นรังของนกอะไร
ได้แต่ตื่นตาตื่นใจพินิจรังนกจนลืมบทกวีต้นปีบไปชั่วขณะ
ปลาบปลื้มอย่างประหลาดที่สวนเล็ก ๆ รอบบ้านขาวเป็นเสมือนแดนสวรรค์ของนกกรุง
วันต่อมา บางอย่างเคลื่อนไหวผ่านสายตา
กระรอกหางเหลืองไต่สายไฟฟ้าอย่างนักไต่ลวดผู้เชี่ยวชาญ
สมาชิกหนึ่งในคณะกายกรรมที่มาแสดงให้ดูถึงบ้าน
กระรอกคาบฟ่อนกิ่งไม้เล็ก ๆ ฟ่อนใหญ่เกินตัว คล้ายจงใจสร้างความหวาดเสียวให้คนดู
มันจึงประคับประคองตัวอย่างไม่ง่ายดายนัก เมื่อเข้าใกล้เสาไฟฟ้ามันก็ชะลอฝีเท้า
จนเย็นย่ำ การขนฟ่อนไม้ยังไม่เสร็จสิ้น มันขนต่อวันรุ่งขึ้นและอีกวัน
ฉันไม่ได้ฉุกใจเลย
...จนวันสุดท้ายของการขน
ออกไปเงยหน้ามองยอดปีบ
รังนกหายไปแล้ว !
หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่มีวี่แวว เหมือนไม่เคยมี ไม่เคยดำรงอยู่ในสวนแห่งนี้
รังนกเก่าคงกลายเป็นบ้านใหม่ของครอบครัวกระรอก
ไม่มีวี่แวว เหมือนไม่เคยมี ไม่เคยดำรงอยู่ในสวนแห่งนี้
รังนกเก่าคงกลายเป็นบ้านใหม่ของครอบครัวกระรอก
ยามสายที่มีแดดวันนั้น หากฉันไม่หวังอ่านบทกวีต้นปีบที่โลกเขียนไว้บนฟ้า
แต่เป็นสามวันต่อมา
ฉัน จะไม่มีวันได้เห็นรังนกบนยอดต้นปีบ
ความงามเรียบง่ายแสนสามัญที่ทำให้อัศจรรย์ใจ ในวันมีแดดกลางฤดูมรสุม
วันที่ต้นปีบเขียนบทกวีบนฟ้าสีฟ้าใส มีเมฆบางสีขาวแผ่กระจาย
ความประจวบเหมาะของจังหวะเวลาเมื่อฉันมองขึ้นไปบนฟ้า
รังนกจึงมีอยู่จริงและดำรงอยู่บนพื้นที่แห่งการจดจำของฉัน
*
"ต้นไม้คือบทกวีที่โลกเขียนไว้บนฟ้า" คาห์ลิล ยิบราน ใน "ทราย และ ฟองคลื่น"
"Tress are poems that the earth writes upon the sky." Kahlil Gibran in "Sand and Foam"
*