Home Photo

Home Photo
Happy New Year 2019

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
กว่าจะมาสวัสดีได้ก็ผ่านไปถึง 15 วันแล้ว
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
แต่เราก็ยังมีอีก 11 เดือนครึ่งที่เหลืออยู่ให้ได้ทำอะไร ๆอย่างที่ใจปรารถนา
ขอส่งความรู้สึกดี ๆ ส่งแรงกายและแรงใจ และความเบิกบานเป็นสุขถึงเพื่อนอ่านทุกคนค่ะ

ลงภาพวาดหมายเลข 5 ซึ่งเป็นภาพเล็กหรือภาพลองวาดในกระทู้ "บทกวีบนแคนวาส"แล้วนะคะ

จัสมิน
15 มกราคม 2562


22.6.55

ช่องว่างและช่วงเวลา Space and Time



แปลกไหม
ฉับพลัน ฉันตระหนักว่า
วันหนึ่ง เราทุกคนจะหายไป

เราหายไป อาจเพื่อไปปรากฏในที่อีกแห่งหนึ่ง
ไม่มีใครอยู่สองที่ได้ในเวลาเดียวกัน
ที่แห่งใหม่อาจเชื่อมโยง หรือไม่เชื่อมโยง กับที่ที่เราเคยอยู่
เราอาจหายไปอย่างมีเงื่อนไข หรือไม่มีเงื่อนไข
อาจอะลุ่มอล่วย หรือเบ็ดเสร็จเด็ดขาด


การหายไปของเรา แม้ไม่ปริปากกล่าวคำ
แต่คือการอำลาจากความจริงหนึ่ง สู่ความจริงอีกอย่างหนึ่ง
อาจจากความจริงหนึ่ง สู่ความฝันที่เป็นจริง


เราไม่ร่ำลาอาจเพราะเราจดจ่อกับปัจจุบัน
มุ่งมั่นทักทายใครบางคนที่เฉพาะเจาะจง
และบอกกล่าวอย่างเฉพาะเจาะจง


เราอาจเดินไปด้วยกันกับใครอีกคน
อาจเดินไปด้วยกันอีกนาน
อาจจนกว่าใครคนใดคนหนึ่ง จะหยุดหายใจ
เหมือนที่ใครคนหนึ่งหยุดหายใจในเดือนมิถุนา ...


ฉันตั้งใจว่าจะหยุดพูดถึงความเศร้านี้แล้ว
แต่ดูฉันซี


ใครคนหนึ่งจากไปก่อนเวลาหลายสิบปี

ก่อนเวลา


ก่อนเวลา


ก่อนเวลา


..


ก่อนเวลา

จากไปโดยปราศจากคำร่ำลา


ในเดือนนี้




ช่องว่างทุกช่องว่าง
มีความหมาย
เช่นเดียวกับช่วงเวลา

ช่องว่าง และ ช่วงเวลา

เรา จะหายไปในช่องว่างและช่วงเวลาเหล่านั้น

เราทุกคนเลย


การหายไป อาจไม่ใช่ความตาย
แต่ความตายคือการหายไป
ในช่องว่างและช่วงเวลา


ไม่แปลกหรอกที่ฉันนึกถึงการหายไป
และ
ความตาย

.ในเดือนมิถุนา








*

วาง

หนึ่งเปลือกหอยบนหาดทรายลงเหนืออนันตเม็ดทรายแห่งความจริง


*

19.6.55

เราถอดรองเท้าไว้ที่ไหน Where We Left Our Shoes




ดวงอาทิตย์เฉิดฉาย
แสง เริงร่ายอยู่ในประกายตาเด็กน้อย
ถ้อยคำเอื้อนเอ่ย ล้วนแล้วแต่คำถาม
ความไม่รู้เดียงสาแสนพิสุทธิ์


คนตัวโตตั้งคำถามกับตนเอง
บางครั้งอย่างเงียบงัน บางครั้งไม่
แสงอาทิตย์เต้นระริกในประกายตา
ชีวิตชีวาของผู้ใฝ่รู้


เด็กน้อยตั้งคำถาม
"ทำไม"ต้องใส่รองเท้าตลอดเวลาที่ออกมานอกบ้าน
คนตัวโตเองก็ตั้งคำถาม เช่นฉัน เขา เขา และเขา


เราไม่ประกาศความดีงามด้วยความเกลียดชัง
เราพูดถึงสิ่งนั้นด้วยความอาทร
 ไม่ตัดสินกล่าวโทษ
เพราะสุดท้ายจะมีเพียงผู้รู้สึกผิดที่ติดสอยห้อยตาม
หัวใจรักและเมตตา เยียวยาผู้คน

ผู้รู้มีแสงเจิดจ้า บาดตาจนไม่อาจมองเห็น
แสงแดดถูกกลืนกลบ ลบเลือนหายไปในความสว่างจ้าของตัวตน




เหล่าคนไม่เพิกเฉย ต่างยังคงตั้งคำถาม
และใครๆไม่อาจตีความได้ว่า เพิกเฉยต่อคำตอบที่มีมาก่อนหน้า
เพียงปรารถนาไตร่ตรองเรียนรู้ทบทวน
โลกก้าวไกลมาเพียงใด 
โลกเปลี่ยนไปเพราะใครบางคนตั้งคำถามไม่ใช่หรือ
บางอย่างคงเดิม บางอย่างเปลี่ยนไป
โลกมีชีวิตผ่านลมหายใจมนุษย์ที่แตกต่าง
...ที่ต่างก็หายใจ


ใช่ ยังมีหลายสิ่งที่ฉัน เขา เขา และเขาไม่รู้
ความไม่รู้ ที่เรารู้ว่าไม่รู้
อาจก่อเกิดความรู้ใหม่
จุดเริ่มต้นของหนทางใหม่
หรือคือการย้อนกลับสู่ความรู้ดั้งเดิม
รื้อฟื้นและค้นพบ
ทบทวีเช่นคนรักตกหลุมรักกันอีกครั้งและอีกครั้ง
ตั้งคำถามอย่างรื่นรมย์ขณะก้าวเท้าไปกับชีวิต
รู้สึกรู้สมว่าแสงแดดกำลังสาดส่องลงมา
และสายลมสดใหม่ยามเช้ากระจายเส้นผมปลิวระหน้าตา
ขณะเท้าเปล่าของคนเขลาก้าวย่าง
สัมผัสหยดน้ำที่ค่ำคืนค้างไว้บนใบหญ้า

... เราวางรองเท้าไว้ที่ไหนนะ

เราไม่ได้ลืมรองเท้า
เราแค่คิดว่า ถอดมันไว้ที่ไหน


*




 


16.6.55

ห่มโลก (Blanket Earth)



ฟ้าค่อยคลุมผ้าผวยสวยผืนฟ้า
สรวงห่มหล้าอ่อนแรงโรยแสงสรวง
ดวงบุหลันจันทร์เพ็ญเด่นจันทร์ดวง
แรมงามพวงระย้าดาวคราวคืนแรม


ผ้าห่มดำกำมะหยี่คลี่ผืนผ้า
แจ่มดื่นดาษดาริกานภาแจ่ม
แซมดาวฤกษ์สุกสกาวดาวเคราะห์แซม
เพดานโลกดาวแย้มแต้มเพดาน


ไพรพฤกษ์ผ่านผ่าวร้อนผ่อนพฤกษ์ไพร
ขานขับรับเสียงไกลไพรขับขาน
นานละเลยเก่าก่อนย้อนเนิ่นนาน
ลมวันวานบอกป่าเหงาเศร้าเสียงลม


เฝ้ารอคอยรัตติกาลผ่านมาเฝ้า
ห่มหัวใจป่าเหงาขอเงาห่ม
พรมพร่างหยาดน้ำฟ้ามาประพรม
ใบไม้เกลื่อนดาวกลมกลมบนเรียวใบ


ประดับวับแววตาดาราประดับ
ไขซ้อนซับเปิดเผยเฉลยไข
ในเวิ้งดำระยิบระยับขับดวงนัยน์
กำลังใจฟันฝ่าท้ากำลัง


ป่าของโลกและโลกของป่า
ฝังรกรากฝากรักษาว่าฝากฝัง
รังรวงเราห่วงหวงนะรวงรัง
ตาแห่งหวังจุดประกายในแสงตา




*
Save The Earth
*

9.6.55

เงาฟ้า Sky Reflection



แสงแดดกระทบผิวน้ำ สะท้อนภาพท้องฟ้าและก้อนเมฆ
น้ำ สะท้อนประกายแดดสู่เบื้องสูง
คล้ายพยายามส่งคืน
คล้ายพยายามตอบแทน
แสงร้อน
ด้วยละอองไอ



กระบวนการที่เงียบงัน
 

ฉงนฉงายลายน้ำ
แสงตกกระทบ กับภาพสะท้อน
ร่วมกันสรรค์สร้างความเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง
เรียบง่ายและไร้เสียง



ความสงบงาม
พาฉันย้อนเยือนรอยทาง
สู่ช่วงเวลา
คราฝันยังเยาว์


"ท้องฟ้าอุ้มหมู่เมฆอ้วนพีไว้อย่างทนุถนอม"

ความอ่อนไหวของผู้คนไม่ได้เลือนหาย
ความอ่อนโยนไม่ช้านานจะคืนกลับ

แสงกระทบ และภาพสะท้อน



 พายเรือกระดาษ ล่องไหล

กวาดตามองหินทุกก้อนที่ไม่เคยเขวี้ยงทิ้ง
หยุดพินิจหินบางก้อน
ความทรงจำสุขทุกข์
วางเรียงรายไว้ดีดีอย่างตั้งใจ

ในนิรันดร

นิรันดรที่ไม่เปลี่ยนแปลง
คงอยู่ได้
ในอดีตกาลที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง
ด้วยความทรงจำของปัจจุบัน
และอนาคตที่เปลี่ยนแปร




*


หนึ่งความจริงของฉันท่ามกลางหลากความจริงของโลก

หนึ่งเปลือกหอยบนหาดทราย เหนืออนันตเม็ดทรายแห่งความจริง


*