"The Poet" by Marc Chagall 1911
ภาพวาดของกวี
ภาพวาดของกวี
“ความเงียบของเธอเป็นของฉัน ดวงตาเธอ ของฉัน
ประหนึ่งเธอรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับฉัน วัยเด็ก ปัจจุบัน อนาคต คล้ายเธอมองฉันทะลุ”
มาร์ค ชากัลพูดถึงการพบกันครั้งแรกระหว่างเขากับเบลล่า โรเซนเฟลด์ไว้ในหนังสือ “ชีวิตของฉัน” (My Life)
แต่ขณะนั้น
เขาไม่สามารถแต่งงานกับเธอได้ เธอยังเด็กอายุแค่สิบสี่
ส่วนเขายังเลี้ยงตัวเองไม่ได้ ดังนั้น
เขาจึงเดินทางกลับเซนต์ปีเตอร์สเบอร์ก
ชากัลต้องการเดินทางไปปารีส เหล่าเพื่อนและครูต่างสนับสนุนและให้คำแนะนำ
ปี 1910
แมกซิม วินนาเวอร์ Maxim Winawer ทนายความลูกครึ่งรัสเชียนยิวก็ตกลงสนับสนุนทางการเงินให้นักวาดหนุ่มเดินทางไปยังเมืองหลวงของฝรั่งเศส
ปี 1910
แมกซิม วินนาเวอร์ Maxim Winawer ทนายความลูกครึ่งรัสเชียนยิวก็ตกลงสนับสนุนทางการเงินให้นักวาดหนุ่มเดินทางไปยังเมืองหลวงของฝรั่งเศส
ชากัลยอมรับว่าเมื่อไปถึงปารีส เขาอยากหันหลังกลับรัสเซีย
ปารีสพลุกพล่านและรวดเร็วเกินไปสำหรับเขาผู้มาจากเมืองวิทเอ็บสค์ที่เงียบสงบ
แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น
โชคดีที่มีนักวาดชาวรัสเซียเป็นเพื่อน ชากัลได้รับใบอนุญาตให้ศึกษาศิลปะในหอแสดงศิลปะและพิพิธภัณฑ์
ชากัลเล่าว่า งานของศิลปินยิ่งใหญ่ที่แสดงอยู่ที่ลูฟว์ส่งอิทธิพลต่อเขา และฉุดรั้งเขาไว้
ปารีสพลุกพล่านและรวดเร็วเกินไปสำหรับเขาผู้มาจากเมืองวิทเอ็บสค์ที่เงียบสงบ
แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น
โชคดีที่มีนักวาดชาวรัสเซียเป็นเพื่อน ชากัลได้รับใบอนุญาตให้ศึกษาศิลปะในหอแสดงศิลปะและพิพิธภัณฑ์
ชากัลเล่าว่า งานของศิลปินยิ่งใหญ่ที่แสดงอยู่ที่ลูฟว์ส่งอิทธิพลต่อเขา และฉุดรั้งเขาไว้
เขาเริ่มทำความสนิทสนมกับ พลาโบ ปิคัสโซ่ และ จอร์จ บราก
ทั้งสองกำลังยุ่งอยู่กับการพัฒนาศิลปะแบบคิวบิสม์ (Cubism)
เขายังคบหากับคนอื่นๆด้วยทั้งนักวาดและนักเขียน
เขาศึกษาการเคลื่อนไหวและนวัตกรรมทางศิลปะย้อนหลังไปหกสิบปี
เริ่มต้นด้วยงานอิมเพรสชั่นนิสท์ที่แสดงออกซึ่งอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าความเสมือนจริง
ทั้งสองกำลังยุ่งอยู่กับการพัฒนาศิลปะแบบคิวบิสม์ (Cubism)
เขายังคบหากับคนอื่นๆด้วยทั้งนักวาดและนักเขียน
เขาศึกษาการเคลื่อนไหวและนวัตกรรมทางศิลปะย้อนหลังไปหกสิบปี
เริ่มต้นด้วยงานอิมเพรสชั่นนิสท์ที่แสดงออกซึ่งอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าความเสมือนจริง
รวมถึงงานแบบพอยทิลิสท์ (Pointillism) ที่ใช้เทคนิคระบายสีเป็นจุดๆเพื่อให้เกิดการผสมสีทางสายตา
มาร์ค ชากัลนิยมชมชื่นฝีแปรงที่กล้าหาญและแปลกแยกของวินเซนต์ แวน โก๊ะห์ เป็นอย่างยิ่ง
The Noon Rest by Vincent van Gogh (Impressionism)
Matisse (Fauve) 1912
"Tete D'une Femme Lisant" by Pablo Picasso (1912)
ชากัลศึกษาการวาดภาพแบบคิวบิสม์(Cubism) ที่ริเริ่มโดยปิคัสโซ่และบราก
การวาดที่ลดและแบ่งส่วนของรูปแบบตามธรรมชาติเป็นนามธรรม บ่อยครั้งที่ออกมาเป็นภาพเรขาคณิต หรือแอ็บสแตร็คท์ที่มักเป็นรูปทรงเรขาคณิต
ปกติจะเป็นชุดของภาพราบสองมิติที่ต่อนื่องกันและแยกออกจากกัน
การวาดที่ลดและแบ่งส่วนของรูปแบบตามธรรมชาติเป็นนามธรรม บ่อยครั้งที่ออกมาเป็นภาพเรขาคณิต หรือแอ็บสแตร็คท์ที่มักเป็นรูปทรงเรขาคณิต
ปกติจะเป็นชุดของภาพราบสองมิติที่ต่อนื่องกันและแยกออกจากกัน
อิทธิพลของศิลปะแบบคิวบิสต์ปรากฎชัดเจนในภาพวาด ฉันและหมู่บ้าน (I and the village 1911) กวี (The Poet 1911) และ อดัมและอีฟ (Adam and Eve 1912)
Adam and Eve by Marc Chagall (1912)
ชากัลพบว่า ระบบ วิธีการและการวิเคราะห์อย่างวิทยาศาสตร์ของอิมเพรสชั่นนิสม์และคิวบิสม์ไม่เหมาะกับเขา
เขาจึงเข้าสู่การวาดที่ผสมผสานการวาดแบบอิมเพรสชั่นนิสม์และซิมโบลลิสม์ (Symbolism) ที่ใช้สัญลักษณ์เป็นสื่อการถ่ายทอดเข้าด้วยกัน
อพอลิแนร์ Apollinaire เพื่อนสนิทเรียกว่าศิลปะแบบ”เหนือจริง” (Surreal)
ต่อมาการเคลื่อนไหวของลัทธิเหนือจริงจึงถูกเรียกว่าเซอร์เรียลลิสท์ (Surrealism) ซึ่งมาจากคำของอพอลิแนร์เพื่อนสนิทของเขานี่เอง
ต่อมาการเคลื่อนไหวของลัทธิเหนือจริงจึงถูกเรียกว่าเซอร์เรียลลิสท์ (Surrealism) ซึ่งมาจากคำของอพอลิแนร์เพื่อนสนิทของเขานี่เอง
งานเซอร์เรียลลิสท์มีชากัลเป็นผู้ส่งอิทธิพลหลัก แม้เขาจะไม่เคยเป็นจิตรกรแบบเหนือจริงโดยตรงเลยก็ตาม
ภาพวาดของเขาในช่วงเวลานี้มาจากชีวิตประจำวันที่เขาใช้ส่งสารทางปรัชญาและจริยธรรม
สำหรับฝรั่งเศสแล้วงานของเขาถูกกล่าวหาว่าสามานย์
Interior II Marc Chagall (1911)
The Fiddler, Marc Chagall 1912-1913
เงินเลี้ยงชีพจากวินาเวอร์ผู้สนับสนุนเพียงพอแต่ก็ต้องกินอยู่อย่างแร้นแค้น
เขาเล่าไว้ในประวัติชีวิตว่าบางวันถึงกับไม่มีกิน ซึ่งหมายความว่าเขาไม่สามารถซื้อหาเครื่องมือเครื่องใช่ในการสร้างงานได้
ระหว่างช่วงแรกนี้ เขามักวาดภาพทับลงไปบนผ้าใบที่ใช้แล้ว
ห้องพักในมองมาร์ดที่ใช้ร่วมกับคนอื่นคับแคบ
ดังนั้นในต้นปี 1912 เขาก็ย้ายไปอยู่ที่ ลา รูจ ชานเมืองปารีส แหล่งของศิลปิน
ดังนั้นในต้นปี 1912 เขาก็ย้ายไปอยู่ที่ ลา รูจ ชานเมืองปารีส แหล่งของศิลปิน
ที่พักทรุดโทรมและสกปรก แต่ก็มีราคาถูกและมีพื้นที่มากกว่าที่อยู่เดิม
ระหว่าง ปีคริสต์ศักราช 1910 ถึง 1912
เขาได้ร่วมแสดงผลงานกับศิลปินคนอื่นๆบ้าง แต่ไม่เคยได้แสดงภาพของเขาล้วนๆเลยสักครั้ง ภาพที่ขายได้มีไม่กี่ภาพ
อพอลิแนร์เพื่อนสนิทแนะนำชากัลให้รู้จักกับ เฮอร์วาร์ธ วอลเดน นักวาดแนวอิมเพรสชั่นท์ชาวเยอรมัน ผู้เริ่มก่อตั้งและบรรณาธิการของนิตยสาร “พายุ” Der Sturm นิตยสารที่แสดงผลงานอิมเพรสชั่นท์ที่โด่งดัง
วอ ลเดนสนใจวิสัยทัศน์ทางศิลปะที่โดดเด่นของชากัลและเสนองานแสดงภาพเดี่ยวที่ ห้องแสดงภาพของเขา
ชากัลดีใจและรับไว้โดยหวังว่านี่เป็นโอกาสครั้งใหญ่ที่จะได้สร้างชื่อและ สร้างรายได้ที่จะช่วยลดทอนความขัดสนทางการเงินได้บ้าง
ปี 1914
งานของเขาได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีในเยอรมันและประสบความสำเร็จทางการเงิน
แต่ชากัลไม่อยู่ที่นั่น
เขาข้ามพรมแดนกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัวและเบลล่าคนรักที่วิทเอ็บสค์
วันที่ 1 สิงหาคมปีเดียวกัน เยอรมันประกาศสงครามต่อฝรั่งเศสและรัสเซีย
ชากัลผู้ตั้งใจมาเยี่ยมบ้านเพียงสองสามสัปดาห์จึงติดอยู่ที่นั่น
*
ตอนต่อไป "สงครามและการปฎิวัติ ชากัลในรัสเซีย"
หมายเหตุ
ประวัติชีวิต มาร์ค ชากัล มีทั้งหมด 9 ตอน
Thanks to Olga's Gallery
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น