Home Photo

Home Photo
Happy New Year 2019

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
กว่าจะมาสวัสดีได้ก็ผ่านไปถึง 15 วันแล้ว
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
แต่เราก็ยังมีอีก 11 เดือนครึ่งที่เหลืออยู่ให้ได้ทำอะไร ๆอย่างที่ใจปรารถนา
ขอส่งความรู้สึกดี ๆ ส่งแรงกายและแรงใจ และความเบิกบานเป็นสุขถึงเพื่อนอ่านทุกคนค่ะ

ลงภาพวาดหมายเลข 5 ซึ่งเป็นภาพเล็กหรือภาพลองวาดในกระทู้ "บทกวีบนแคนวาส"แล้วนะคะ

จัสมิน
15 มกราคม 2562


25.4.55

สงคราม การปฎิวัติบอลเชวิค และการแต่งงาน มาร์ค ชากัล 4 (Marc Chagall 4; War and Revolution)


Promenade by Marc Chagall (1917)

ชากัลติดอยู่ในรัสเซียถึงแปดปีระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาพูดถึงช่วงเวลานี้เสมอว่าเป็นการถอยหลังในอาชีพจิตรกร โดยเมินเฉยต่อความเป็นจริงที่ว่าช่วงเวลานี้เขาได้พัฒนาไปมากทั้งด้านศิลปะและชีวิตส่วนตัว

ในปี 1914 มีไม่กี่คนเท่านั้นที่คาดว่าสงครามจะยืดเยื้อ 
คนส่วนใหญ่มั่นใจว่าสงครามครั้งนี้จะสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว ชากัลตั้งใจมุ่งมั่นว่าจะไม่ยอมเป็นทหารในกองทัพรัสเซีย 
อพอลลิแนร์ เพื่อนสนิทลงชื่ออาสาออกสู่แนวหน้าตั้งแต่วันแรกของการขัดแย้ง แต่ชากัลไม่ได้มีความรู้สึกร่วมเยี่ยงผู้รักชาติด้วยเหตุผลที่มีน้ำหนัก 
หลายร้อยปีมาแล้วที่จักรวรรดิ์รัสเซียปฎิบัติต่อชาวยิวเยี่ยงพลเมืองชั้นสอง และเลวร้ายลงมากในศตวรรษที่สิบเก้าและยี่สิบ 
เขาเห็นว่าการจับอาวุธเพื่อสนับสนุนอาณาจักรนี้เป็นเรื่องบ้า คนมีร่างกายบอบบาง มีมรรยาททางสังคมและการศึกษากว้างขวางอย่างเขาไม่ได้ถูกสร้างมาให้ใช้ชีวิตสมบุกสมบันในการรบ
คนยิวไม่อาจเป็นผู้บังคับการ และต้องยินยอมพร้อมรับการถูกปฎิบัติต่ออย่างเลวร้ายและถูกแบ่งแยกจากเพื่อนทหารและผู้บังคับบัญชา

ชากัลอาศัยอยู่ในเมืองวิทเอ็บสค์และหวังว่าสงครามจะผ่านไป

 ในปี 1915 เขาแต่งงานกับเบลล่า โรเซ็นฟีลด์แม้พ่อแม่ผู้มีฐานะของเธอต่อต้าน สัมพันธภาพได้รับการสมานฉันท์หลังการเกิดของเอ
ดาลูกสาว

Bella with white collar (เขาวาดเบลล่าตัวใหญ่ ส่วนเขาตัวเล็กนิดเดียว เห็นแล้วรับสารได้ชัดเจน)

งานศิลป์ที่ออกมาในช่วงนี้เป็นแบบคิวบิสท์และเอ็กเพรสชั่นนิสท์

สงครามยืดยาวออกไปเรื่อยๆ ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตสูงขึ้นมาก 
ในปี 1915 ยาคอฟ โรเซ็นเฟลด์พี่เขยหางานเสมียนให้ทำที่กระทรวงสงครามในเซนต์ปีเตอร์สเบอร์กซึ่งทำให้เขาพ้นจากการเป็นทหาร 


เมืองหลวงไม่เอื้อต่อการสร้างงานศิลป์ 
ในช่วงขาดแรงบันดาลใจและต้องทำงานประจำวุ่นวายน่าเบื่อหน่ายนี้ เขาวาดภาพน้อยลง  
แต่ในช่วงนี้เองที่เขาได้ติดตามการพัฒนาทางศิลปะในรัสเซีย ได้คุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวของพรีมีทิวิสม์และทดลองในภาพ
The Feast at the Tabernacle (1916) 



กระนั้นเขาปฎิเสธแนวทางนี้เพราะขัดกับแนวคิดทางศิลปะของเขา

ในปี 1917 เกิดการปฎิวัติบอลเชวิคในรัสเซีย ทำให้เกิดความกระตือรือร้นในหมู่ชาวยิวที่มีการศึกษา
พวกเขาเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงนี้นำมาซึ่งระบบการเมืองใหม่
 พรรคคอมมิวนิสต์ยืนยันว่า ชาวยิวจะมีสถานะเท่าเทียมภายใต้กฏหมายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์รัสเซีย 
อนาคตดูสดใส มั่งคั่งและไร้ซึ่งความกังวล



ภายใต่รัฐบาลใหม่ อนาโทลีย์ ลูนาชาร์สกี้ นักวิจารณ์ศิลปะและนักหนังสือพิมพ์ที่ชากัลสนิทสนมในปารีส ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยงานการศึกษาที่ทำให้เขารับผิดชอบทุกสิ่งที่เกี่ยวกับศิลปะ การศึกษาและวัฒนธรรมในสหราชอาณาจักรรัสเซีย 
ลูนาชาร์สกี้เสนอตำแหน่งผู้ดูแลศิลปะในวิทเอ็บสค์ ซึ่งชากัลตอบรับด้วยความยินดี
ชากัลไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ 
ภาพวาดของเขาไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเมือง หากเน้นชีวิตวันต่อวันอย่างเคร่งครัด 
เราจึงไม่อาจรู้ว่าเพราะเหตุใด ลูนาชาร์สกี้ถึงได้เลือกชากัล

ปี 1918 ชากัลกลับวิทเอ็บสค์ในฤดูใบไม้ผลิ เพื่อทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 
เขาจัดการแสดงภาพ เปิดพิพิธภัณฑ์และห้องแสดงภาพ 

เยฮูดา เพน ครูวาดเขียนคนแรกของชากัล ได้เปลี่ยนโรงเรียนของเขาเป็น”สำนักแห่งศิลปะ”โดยมีชากัลเป็นผู้อำนวยการ 
ต่อมาศิลปินผู้ป็นที่ยอมรับก็เริ่มเข้ามาสอนเพราะนับถือยูริ เพนและชากัล 
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือในเวลานั้นเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กกำลังแร้นแค้นขาดอาหาร ไม่มั่นคงเท่าวิทเอ็บสค์

ต่อมาสำนักศิลปะแห่งวิทเอ็บสค์นี้กลายเป็นศูนย์กลางทางศิลปะที่ทรงอิทธิพลในรัสเซียและอาจพูดได้ว่าของโลก



ที่จริงแล้ว ชากัลใส่ใจและสนใจทำงานศิลปะของเขามากกว่าจัดการเรื่องการศึกษาและทฤษฎีทางศิลปะ 
ศิลปินลัทธิซุพรีมเมซิสท์(Supremacist) ใช้ความได้เปรียบนี้เพื่อส่งเสริมและกำหนดแนวทางของพวกเขาที่สำนักศิลปะที่ก่อตั้งโดยยูริ เพน
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นส่งผลให้ชากัลลาออกในปี 1920 แล้วเดินทางไปมอสโคว์กับครอบครัว

ถึงแม้ว่าแนวทางซุพรีมเมทิสท์ส่งอิทธิพลต่อชากัลเช่นในภาพวาดสองภาพข้างล่าง

 
The Stable Night: A Man with whip (1917)

และ

Composition with circles and goat (1920) 
แต่เขาก็ไม่โอบรับทฤษฎีนี้ที่เป็นนามธรรมเต็มรูปแบบ 
งานของชากัลมีพื้นฐานจากความเป็นจริงของชีวิตประจำวัน ไม่ว่าเขาจะใช้แนวทางใดในการวาด

 เขาหันมาสนใจศิลปะเรแนสซองซ์ที่เขาเขียนอ้างอิงถึงบ่อยๆ
จัดองค์ประกอบภาพตามธรรมเนียมปฏิบัติของพวกเขา แต่ไม่ใช้ธรรมเนียมปฎิบัติทางวิธีการและสัญลักษณ์
อย่างภาพ Promenade (1917) ข้างบนสุด


ชากัลอยู่อย่างลำบากในมอสโคว์ เขาไม่มีตำแหน่งใด และเมื่องานของเขาไม่ได้ส่งสารเกี่ยวกับการเมือง เขาจึงไม่มีโอกาสได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล ชากัลจึงไปทำงานกับโรงละครของชาวยิว Gosudarstvenniy Evreiskiy Kamerniy Teatr
เขาออกแบบตกแต่งเวที วาดฉาก และสอนวาดเขียนที่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้า 

ปีแรกหลังการปฏิวัติ ผู้มีอำนาจของรัสเซียค่อนข้างให้เสรีทางศิลปะ ด้วยเห็นว่าศิลปะคือการให้ความสว่างทางปัญญาและเป็นหนทางโฆษณาชวนเชื่อ  แต่ไม่ช้าศิลปินก็ถูกขอให้วาดตามความคิดของพรรค งานสร้างสรรค์อย่างอิสระของชากัลจึงหลุดออกจากระบบใหม่โดยสิ้นเชิง

เลนินประนามศิลปะสมัยใหม่ทุกประเภทว่าคนธรรมดาเข้าไม่ถึง 
โซเชียล เรียลลิสม์ (Social Realism) ถูกกำหนดให้เป็นรูปแบบของสาธารณรัฐ ทำให้โลกทางศิลปะของศิลปินรัสเซียถูกตีกรอบ
คับแคบสำหรับชากัลและเพื่อนศิลปินแบบซุปรีมเมทิสท์และพรีมิทิวิสท์

ปี 1922 ชากัลยื่นขออนุญาตออกนอกประเทศผ่านลูนาซินสกี้ 
เขาได้รับอนุญาตและเดินทางไปเบอร์ลิน โดยหวังจะได้พบเฮอร์วาร์ด วอลเดน
เขาอยากรู้ว่าถาพวาดที่ออกแสดงเป็นอย่างไร 
ต่อจากนั้นอีกเกือบห้าสิบเอ็ดปี เขาจึงได้กลับรัสเซีย



*

ติดตามตอนต่อไปค่ะ


*


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น