ถ้วยน้ำชาวันนั้นในวันนี้
ยังคงมีบทกวีที่ขอบแก้ว
เจ้าพระยาระยิบระยับยังวับแวว
ยินเสียงแว่วบ้านเรายังเฝ้าคอย
ถ้วยน้ำชาถ้วยนี้ในวันนั้น
อุ่นน้ำชาหอมฝันหลังเงียบหงอย
เรื่อชมพูเรียวปากคล้ายฝากรอย
จารึกถ้อยบนขอบถ้วยสวยธันวา
บ่ายวันเสาร์เหงาสายลมพลันพรมพัด
ระบายระบัดใบไม้ได้เริ่งร่า
ครามาถึงของหนึ่งบุษบา
คือชีวิตชีวาคือเสียงเพลง
บ้านลูกไม้ลายฉลุเก่าคร่ำคร่า
คล้ายสนิทเสน่หาความโหวงเหวง
เสียงดนตรีบางคราวก็บรรเลง
มีงานเลี้ยงครื้นเครงเป็นบางครั้ง
มากห้องหับว่างเปล่าเงาผู้คน
เคยพลุกพล่านวิ่งวนแต่หนหลัง
เหลือก็เพียงเรื่องราวเล่าให้ฟัง
เก่าเก็บอยู่ในคลังของครอบครัว
การเหยียบย่างเข้ามาของบางคน
ฉันเห็นเงาวิ่งวนสายลมหัว
แดดสว่างไล่รุกทุกหม่นมัว
บานหน้าต่างเปิดทั่วทั้งครัวเรือน
ดูสิเรือขนข้าวค่อยลอยล่อง
บนสีทองผิวน้ำงามใดเหมือน
ผูกเป็นทางนั่นเรือโยงกี่ย้อนเยือน
ที่คล้อยเคลื่อนเลื่อนลับกับเวลา
ดูสินั่นนกน้ำกางปีกบิน
แล้วโฉบลงดงถิ่นลำพูหนา
ปรารถนาให้เธอเห็นกับตา
ยามหิ่งห้อยหรรษาใต้แสงดาว
ทั้งเรื่องนั้นเรื่องนี้มีอีกมาก
ผ่านสุขทุกข์ง่ายยากอยากสืบสาว
หวังให้เธอรับรู้หลากเรื่องราว
ทุกร้อนหนาวของบ้านเรา ริมเจ้าพระยา
..............
ได้ภาพ บรรยากาศ เหตุการณ์ ความรู้สึก
ตอบลบคงจะมีสักวัน
รักบ้านจังเลย
Minmintra
เหงาถ้วยชา ติดใจชื่อนี้มากค่ะ
ตอบลบติดหู ติดปาก และติดใจ
*
ภาพสวยมากเพราะฉากหลังเปลี่ยน
เมื่อรก ก็ทำให้หายรกนะคะ
^^
*