ท่านผู้เฒ่าแห่งฝนปรบมือสากกร้าน เสียงลมหวีดหวิวก่อนคำราม
ความเย็นแล่นวูบผ่านอณูความร้อนในทะเลทรายแห่งความตาย
ก่อเกิดเกลียวพายุหมุนวนขึ้นสู่เบื้องสูง
ดูดดึงชายหนุ่มผู้กำลังกระเสือกกระสนขึ้นไปพร้อมเม็ดทรายนับล้า น
เขาปิดตาแน่น มีประโยชน์อันใดที่จะลืมตา
ในความเกรี้ยวกราดคลั่งบ้า การมองเห็นเป็นเรื่องเกินจริง
เขากางแขนออกประดุจพญานก งามสง่าและภาคภูมิ
สักครั้งหนึ่งเถิด ขอให้ข้าได้เหินบินเยี่ยงอินทรี
ให้ข้าได้กรีดกรายเริงร่ายต้อนรับเจ้าชายแห่งความตายอย่างยโส
โอหัง
ริมฝีปากข้าจักเม้มสนิท มิปริปากร้องขอความเมตตาใด ๆ
เมื่อเรือนร่างงดงามแห่งเดวิดร่วงลงสู่พื้นโลก พลันแตกละเอียดเป็น
ผงธุลี
ข้าจะมิปริปากโอดครวญ
ปล่อยหน้าที่ร่ำไห้ให้แก่ชาวโลกผู้หลงไหลในประติมากรรมชิ้นเอก
แห่งบุรุษผู้งดงามที่สุดบนปฐพี
2.
ในความคลุ้มดำ เดวิดสัมผัสเม็ดฝนเย็นเยือก
ความเย็นเยือกนั้นดูดเอาความร้อนระอุแล้งน้ำออกไปจากร่าง
เขาอ้าปากดื่มกลืนน้ำฝนที่ตกหนาเม็ดขึ้น
ริมฝีปากแตกระแหงเพราะขาดน้ำชื้นชุ่ม
ความแรงลมที่รัดพันอ่อนแรงลง
หากมิได้ละทิ้ง กลับโอบอุ้มและเคลื่อนลงอย่างช้า ๆ
เขาเลื่อนละล่องเช่นปุยนุ่นปลิดปลิวจากฝักแก่ปริแตก
อ้อมกอดลม...วางเขาลงบนพื้นหญ้าเขียวหนาสดกรอบ
เขามองไปรอบตัว...อา ที่นี่เคยเต็มไปด้วยหญ้าแห้งสูงสีน้ำตาล
แข็งสากและเต็มไปด้วยขนแหลมที่ทำให้แสบคัน
หากบัดนี้ สถานที่นี้กลับกลายเป็นสวนสวรรค์ไปแล้วหรือ
เสียงเพลงแว่วมาแสนไกล มันเป็นเสียงไวโอลินสนุกสนาน
เช่นเสียงหัวเราะเต็มเสียงของชายกลางคน
เสียงหัวเราะคิกคักของสาว ๆ
และเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของเด็ก ๆ ที่สวนสนุก
3.
เดวิดได้ยินเสียงตบมือของชายชราแห่งฝน
หากครั้งนี้ประหนึ่งท่านผู้เฒ่ากำลังเบิกบาน
วสันตฤดูมาถึงแล้ว ฤดูใบไม้ผลิกลับมาอีกครั้ง
เขาคลานมาที่ต้นไม่ใหญ่ต้นหนึ่ง
ความตื่นเต้นซึ่งเพิ่งผ่านไปทำให้อยากหลับสักงีบ
จึงเอนตัวลงนอน วางศีรษะลงบนรากไม้ที่โผล่ยื่นขึ้นมาเหมือนดั่งหมอน
เสียงเปรี๊ี๊ยะ ๆ ดังมาจากข้างบน เขาเหลือบตาขึ้นมอง
อา ใบไม้อ่อนเพิ่งผลิแตกจากตา
สีเขียวใหม่แห่งปี เพียงชั่วพริบตาก็ปกคลุมไปทั่ว
นี่มันต้นอะไรกัน ข้าจำไม่ได้
ข้าหลับใหลไปนานและในฝันของข้ามิเคยมีสีใด
นอกจากสีแห่งความเจ็บป่วยและความตาย
ขอข้าหลับสักงีบหนึ่งเถิด ข้าคงคิดออกเมื่อลืมตาตื่น
4.
เขานอนไม่หลับ จะหลับได้อย่างไรในฤดููแห่งการฟื้นตื่น
กอเตี๊ยลิลลี่หุบเขาหลังก้อนหินส่งกลิ่นหอมจรุงใจ
ดอกกะดิ่งสีขาว ๆ บนช่อสั่นไหวไปมาในสายลม
เจ้าสายลมนี่เองที่หอบกลิ่นหอมมาให้
นั่นบลูเบล ดอกกระดิ่งสีฟ้า ช่างกระตุ้งกระติ้งน่ารักนัก
โอ นั่นดงไวโอเล็ตสีม่วงบานเต็มอยู่ในหลุมดินรูปคล้ายอ่าง
คงเป็นหลุมที่ควายป่ามาทำเอาไว้
บัดนี้กลายเป็นแอ่งแห้งหอมตรลบอบอวลสีม่วงดอกไวโอเล็ต
ข้าน่าจะไปนอนในนั้นและเสพย์ความสุขนี้เสียให้เต็มที่
ความตื่นตาตื่นใจทำให้ไม่ได้เงยมองไม้ใหญ่
เดวิดคืบคลานลงไปนอนท่ามกลิ่นหอมอบอวลนั้น
ก่อนเคลิ้มหลับ สายตาเหลือบเลยไปยังโคนไม้ที่เคยอิงแอบ
โอ ดอกไม้บางดอกผลิแย้ม
แมกโนเลีย
เขายิ้มอย่างเป็นสุข แมกโนเลียอยู่คู่โลกมานาน
เช่นความรักอยู่คู่มนุษย์ชายหญิง
แต่นั่นก็นานแสนนานมาแล้ว...สำหรับเขา
ดวงตาเดวิดหรี่ลง
เงาหนึ่งทอดทาบลงบนตัว
เขาปรายตาขึ้นมอง บนขอบแอ่งเบื้องบน เธอยืนอยู่ที่นั่น
สาวน้อยแห่งวสันตฤดู
~
จัสเอารูปปั้นเดวิดมาเขียน
ตอบลบยาวแต่อ่านเพลิน
ปรบมือ
จัสว่าเขียนไว้นานแล้ว นานแค่ไหนเหรอ ปีนึง สองปี
ศศิชอบอ่านแบบนี้ด้วยเนอะคะ
บอกให้ ค่อยๆอ่านด้วย
ไม่ได้อ่านเร็วๆละ
ข้าหลับไหล นี่คือ หลับๆแล้วอยู่ดีๆก็ ไหล ไปเลยหรือเปล่าครับ?
ตอบลบอิอิ :')
^^ ไหลตายไปเลยยยยค่ะ ก็เดวิดจะไหลตายนี่คะ
ตอบลบเรื่องหลับไหลนี่ถึงกับเป็นหัวข้อดิสคัสกันในบอร์ดเก่าเลยนะคะ
จัสเพิ่งมารู้ว่าเป็นหลับใหลเมื่อไม่นานมานี้เอง สะกดผิดมาตลอด
คงให้ติสมาเจอมั้ง จะได้มีอะไรให้ทัก
ไม่ใช่ค่ะ
บทกวีบทนี้เขียนไว้ก่อนหน้า ตอนจัสยังเป็นเต่าฝรั่ง
คำยาก ๆ เราดูตัวสะกดจากพจนานุกรม
คำง่าย ๆ ไม่ดู ก็เลยผิดพลาดเช่นนี้
ขอบคุณที่มาเยี่ยมอ่านนะคะ
ขอบคุณที่มาเขียน
^^
ไปแก้ไขซะเลย