"หญิงสาวผู้เฝ้ากวาดลาน ตะเบบูญ่าบาน
ขับขานบทเพลงสายลม
ปูเสื่อหัวใจไว้ชม หอมกลิ่นอารมณ์
ไหวหวานปานเทพนิยาย
ณ ทุ่งดอกไม้ระบาย สีสันพรรณราย
เราไม่คาดคั้นปั้นปึ่ง
ช่องว่างกว้างขวางนั้นจึง มีเพลงลึกซึ้ง
ขับขานงันเงียบงดงาม"
"สายลมกับคนรัก"
*
พื้นที่โล่งกว้างที่เลือกสรรค์ เรากำนัลผืนดินนั้นด้วยสวนดอกไม้
นิรมิตขึ้นด้วยหัวใจดีงาม ความคิด และสองมือของเรา
อย่างช้า ๆ
สวนสวยที่เคยมีที่อยู่เพียงในจินตนาการปรากฏขึ้นต่อหน้า
ทุกช่วงเวลาอารมณ์ เราชื่นชมวันคืนที่เกิดขึ้นจากภาพร่างวันวาน
ผ่านหวานและขมของฤดูกาลที่เป็นใจและไม่เป็นใจ
พันธุ์ไม้ที่แสวงหาเติบโตเบิกบาน
มวลดอกไม้คลี่แย้ม แตะแต้มสีสวย ๆ บนหลากหลายเขียวใบไม้
คล้ายริบบิ้นที่ผูกไว้อย่างสวยงามบนกล่องของขวัญ
ภาพร่างจากวันวานถูกเก็บไว้ในห้องหับจิตวิญญาณ
หนแห่งเงียบสงบ
หากต้องการ เราสามารถได้ยินเสียงลมหายใจเราเอง
หากต้องการ เราสามารถได้ยินเสียงลมหายใจเราเอง
ท่ามกลางเสียงเพลงบรรเลงเหล่าโน้ตที่เราโปรดปราน
ท่ามกลางเสียงคุณอ่านบทกวีบางบทในบางวันคืน
บางวันคืนที่เจ็บไข้ได้ป่วย
บางวันคืนที่เป็นสุข
บางวันคืนที่เป็นสุข
ล้วนแล้วแต่วันคืนดี ๆ ที่จดจำ
บางครั้ง เราปอกเปลือกห่อหุ้ม
เหลือเพียงจิตวิญญาณเด็กน้อยไร้เดียงสาผู้หัวเราะร้องไห้ในระยะเวลาสั้น ๆ
บางครั้งเราเก็บงำดั่งเช่นเราหุ้มห่อผลมะม่วงที่ยังไม่สุก
บางครั้งเราทิ้งอาหารและน้ำที่มีพิษ
และทุกสิ่งที่ไม่อาจเยียวยาใครได้แม้แต่ตัวเราเอง
"ใครกันหนอขโมยความอ่อนไหวของผู้คน" คุณรำพึงดังเพ้อไข้
"ไม่มีใครหรอก พวกเขาทำหล่นหายไปเอง" ฉันตอบ หวังปลอบประโลมความเปราะบางของเรา
"นั่นสินะ ความอ่อนไหวคือสมบัติภายใน ใครเล่าจะสามารถหยิบฉวยหรือแย่งยื้อ"
นานเท่าไรแล้ว ยามเมื่อเดินทางไกล คุณขอให้ฉันวาดภาพให้ในยามเช้าของทุกวัน
ภาระเร่งร้อนทำให้เหมือนมองข้าม แต่ไม่เคยลืมเลย
ถึงวันนี้ ฉันวาดให้คุณแล้ว ภาพจากบทกวีที่คุณเขียนให้
ในภาพวาดไม่มีแคนวาสเพราะคุณกำลังมองมันอยู่
เห็นไหม
แคนวาสที่ว่างเปล่า
ไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป
*
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น