ฝนโปรยโรยเส้นสายบางเบาอยู่ข้างนอก
ที่ระเบียงหน้าตึกใต้ชายคา คนสามคนยืนอยู่ด้วยกัน
พี่ชายน้องสาวกำลังพูด เธออีกคนกำลังฟัง
"เราจะไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้วใช่มั้ยพี่ชาย"
"ขึ้นอยู่กับว่าคนบางคนจะให้บางสิ่งที่สำคัญกับพี่หรือเปล่า"
คนเป็นน้องมองคนยังไม่พูดและหยุดสายตาอยู่ที่เธอ "ถ้าไม่ล่ะ"
"หวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น แต่พี่ก็แค่คาดเดา คาดหวังอย่างเคย"
"ถ้าที่นี่ไม่ต้องการเรา เราจะกลับไปที่ ๆ เราจากมาได้มั้ย"
"ไกลเกินอยากจะย้อนกลับ
ยอมรับเถอะว่า ไม่มีทางเลือกไหนให้เสรีภาพแท้จริง
การดำรงอยู่ของเราไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น
เราตกอยู่ในรั้วรอบของขอบเขตและข้อกำหนด"
"หมายความว่าเรากลับไปที่นั่นไม่ได้อีกแล้ว" คนเป็นน้องร้อนรน
"เธอน่าจะรู้ดีว่ามีพื้นที่สำหรับเราเสมอขณะที่เราดำรงอยู่
เราน่าจะไปกันได้แล้วถ้าไม่ติดขัดอะไร" ประโยคหลัง เขาพูดกับคนยังไม่พูด
"ฉันไม่ติดขัดอะไร" เธอตอบเขาก่อนหันไปปลอบโยนคนกำลังหวั่นวิตก
"อย่าคิดมาก จริง ๆ แล้ว ไม่มีใครรู้แน่หรอกว่าอะไรรออยู่ข้างหน้า อาจไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้"
ใต้ฝนโปรย ทั้งสามเดินไปที่รถ
บางคนก้าวพ้นความมัวมนสู่แสงใหม่ เรียกชีวิตว่าการดำรงอยู่
เธอเรียกชีวิตว่าชีวิต ไม่เคยเรียกว่าการดำรงอยู่เลยสักครั้ง
ชีวิตคลุมเคลือเกินไป
แต่การดำรงอยู่นั้นชัดเจน
"เหมือนปาฏิหารย์ที่เห็นคุณขับรถในกรุงเทพ" เธอเปรย
"ครับ ปาฏิหารย์อายุสั้น แต่ผลของมันอาจยาวนานเท่าการดำรงอยู่"
เธอยิ้ม "ฉันคงเงียบไปอีกนาน"
บทสนทนาหยุดลง
ต่างคนต่างข้องติดอยู่กับความคิดของตนเอง
ขณะที่รู้ว่าความคิดของพวกเขานั้นเชื่อมโยงกัน
ขณะที่รู้ว่าความคิดของพวกเขานั้นเชื่อมโยงกัน
เป็นบทสนทนาไร้เสียงที่ทำให้อุ่นใจ
*
"ปาฏิหารย์อายุสั้น แต่ผลของมันอาจยาวนานเท่าการดำรงอยู่"
ตอบลบอ่านแล้วศศินึกถึงปาฏิหารย์ที่เคยเกิดขึ้นกับศศิ อยากให้มันส่งผลไปนานๆ