ภาพวาดโดยอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต
ขุนทองในกรงคงเหงา เมฆหม่นห่มเงา
สะบัดม่านหนาสายลม
หญิงสาวในเรือนซึมซม คู่ปีกตรอมตรม
ท่ามกลางรั้วรอบปลอดภัย
เสียงฟ้าคำรามแต่ไกล แสงฟ้ามาใกล้
พริบตาฝนพรูสู่ดิน
(สาลินีฉันท์ ๑๑)
๒.
เพลงฟ้า ที่เราฟัง
อุระคลั่งพิรุณริน
กิ่งไม้ยังหักวิ่น
สกุณาจะเปียกปอน
เพลงเรือนที่เราร้อง
ฤ จะพ้องทุรนรอน
เพลงใดดับไฟฟอน
ฤดิใคร่ประโลมครวญ
๓.
'เอิบอาบซาบหอมหวาน
จิรกาลจรุงอวล
หอมใดได้ชื่นชวน
ปิติเท่าดรุณวัย
รื่นรื่นยังชื่นกลิ่น
นิ จสินระรินไหว
สองปีกโผบินไป
ผิวะ นิ่งสะท้อนจำ
ผืนฟ้าที่ห่างหาย
มิสลายสลักจำ
แหวกลมแล้วดิ่งดำ
น ภ วัฎจักรกาล'
(ฉบัง ๑๖)
๔.
เสียงเท้าเขาย่างขึ้นชาน นกน้อยขับขาน
หญิงสาวเหลียวหลังหันมอง
ชายหนุ่มแง้มมือทั้งสอง นกจมน้ำนอง
เลี้ยงไว้อีกตัวดีไหม
(กาพย์ยานี ๑๑)
๕.ความงาม ในกรงครอบ
เขตขอบที่ปลอดภัย
นกพรากจากพงไพร
ฤๅให้ใครเลี้ยงดู
(ฉบัง ๑๖)
สองปีก ในกรงคงอยู่ สองปีกเคียงคู่
ขับขานขมหวานในกรง
*
หมายเหตุ
บทกวีบทนี้เขียนด้วยกาพย์และฉันท์
ฉันท์คือกรอบที่แข็งแรงแน่นหนา
บทกวีที่ถ่ายทอดจึงเสมือน "คู่ปีกที่อยู่ในกรง"
*
ฉันท์คือกรอบที่แข็งแรงแน่นหนา
บทกวีที่ถ่ายทอดจึงเสมือน "คู่ปีกที่อยู่ในกรง"
*
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น