Home Photo

Home Photo
Happy New Year 2019

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
กว่าจะมาสวัสดีได้ก็ผ่านไปถึง 15 วันแล้ว
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
แต่เราก็ยังมีอีก 11 เดือนครึ่งที่เหลืออยู่ให้ได้ทำอะไร ๆอย่างที่ใจปรารถนา
ขอส่งความรู้สึกดี ๆ ส่งแรงกายและแรงใจ และความเบิกบานเป็นสุขถึงเพื่อนอ่านทุกคนค่ะ

ลงภาพวาดหมายเลข 5 ซึ่งเป็นภาพเล็กหรือภาพลองวาดในกระทู้ "บทกวีบนแคนวาส"แล้วนะคะ

จัสมิน
15 มกราคม 2562


30.11.55

คืนลอยกระทงที่ไร้จันทร์ / The Missing Moon (Loykratong Night)



ลอยกระทงปีนี้ฟ้าสีเทา
บ่ายยังเยาว์เงาไม้คล้ายหม่นหมอง
ฝนโรยสายเอื่อยเฉื่อยเปลือยละออง
แสงสีทองยามเย็นไม่เห็นเลย


กระทงน้อยร้อยรัดกลัดกลีบตอง
วางใบรองซ่อนแกนแทนเปิดเผย
ธูปเทียนแซมดอกไม้หอมพร้อมใบเตย
สายน้ำไหลลมรำเพยลอยเรียงราย


แหงนมองฟ้าหาพระจันทร์คืนวันเพ็ญ
น้ำตาฟ้ายังกระเซ็นเป็นเส้นสาย
เมฆยังหนาบังเดือนเหมือนซ่อนกาย
หันชมแสงมากมายบนสายธาร


ระยิบแสงเทียนระยับจับผิวน้ำ
ฝนพรำพรำสายลมผสมผสาน
เสียงหัวเราะเสียงพูดจาพาเบิกบาน
แม้ไม่ได้พบพานจันทร์เต็มดวง



Sky Singing The Blues on Loykratong Night November 2012. Bangkok, Thailand


*



28.11.55

ง่าย กลับ ยาก / Too Easy Too Hard



จำเป็นหรือเปล่าที่เราต้องพูดถึงสิ่งที่ใครต่อใครพูดถึง
จำเป็นไหมที่เราต้องเห็นพ้องเพื่อแสดงตนในวงสนทนา
หรือโต้แย้งเพื่อสร้างสีสันให้กับการพูดคุย


มันง่ายกว่าและปลอดภัยกว่าไม่ใช่หรือที่เราจะยึดถือมาตรฐานของตนเป็นที่ตั้ง
โดยเฉพาะเมื่อมาตรฐานของเรานั้นเป็นมาตรฐานเดียวกับคนส่วนใหญ่
เราใช้มาตรฐานนั้นอธิบายบางเรื่อง บางสิ่ง หรือบางคน
คำอธิบายที่กลายพันธุ์เป็นคำพิพากษาในวินาทีที่คนส่วนใหญ่พยักเพยิด


เราถอยออกมาเพื่อมอง
เรามองเพื่อเห็น
ชายบนยอดเขามองลงมายังแผ่นดินกว้างใหญ่เบื้องล่าง เขามองไปรอบ ๆ
เรา คนข้างล่างถอยออกมาเพื่อมองภูเขา
ด้วยเรารู้ว่า ณ ที่นั้น สิ่งที่เห็นเป็นเพียงพื้นลาดชัน
ที่ซึ่งเราจะก้มมองก็ต่อเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะเดินขึ้นเขาไป


มันยากกว่าและอันตรายกว่าไม่ใช่หรือที่เราไม่ยึดถือมาตรฐานของตนเองเป็นที่ตั้ง
โดยเฉพาะเมื่อมาตรฐานของเราต่างจากคนส่วนใหญ่
ไม่จำเป็นที่เราจะต้องพูดถึงสิ่งที่คนส่วนใหญ่กำลังพูดถึง
ไม่จำเป็นหรอกที่เราจะต้องเห็นพ้องหรือโต้แย้งเพื่อเพิ่มรสชาติ
ไม่จำเป็นอย่างแน่นอนที่เราจะต้องอธิบายบางเรื่อง บางสิ่ง หรือบางคน
แม้ บางเรื่อง บางสิ่ง เป็นของเรา
และบางคนนั้น คือเราเอง
ไม่จำเป็นต้องอธิบายสิ่งที่ใครต่อใครอธิบายแทนเราแล้ว ไม่ว่าใช่หรือไม่ใช่
การตัดสินได้สิ้นสุดลงเมื่อคณะลูกขุนพยักหน้าเห็นชอบ

สำหรับฉัน บางความง่ายมันยากเกินไป


*




หนึ่งเปลือกหอยบนหาดทราย ท่ามอนันตเม็ดทรายแห่งความจริง

*



23.11.55

เด็กหญิงผู้เป่าก้อนเมฆ / The Passing Clouds



เด็กหญิงตัวน้อยกลับเข้ามาในบ้าน "แม่คะ ทำไมวันนี้มืด"
"วันนี้ไม่มีแสงแดด"
"ทำไมถึงไม่มีแสงแดดล่ะคะ"
แม่เดินออกไปที่ระเบียง "เห็นมั้ยลูก เมฆเต็มท้องฟ้า บังพระอาทิตย์ แดดเลยส่องลงมาไม่ได้"
"แล้วเมื่อไหร่เมฆจะหมดล่ะคะ"
"ถ้าเมฆกลายเป็นฝนตกลงมา เมฆก็จะหมดไป"
"แล้วถ้าฝนไม่ตกล่ะคะ"
"บางทีจะมีลมแรง ๆ พัดเมฆลอยไปที่อื่น"


เด็กหญิงอมลมไว้จนแก้มโป่ง เธอแหงนหน้าเป่ามันออกไป
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เธอทำเช่นนี้จนแม่ออกมาพบเข้า
"นั่นลูกทำอะไร" 
"เป่าเมฆให้ลอยไปที่อื่น"
"ลูกทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก ลมจากปากของลูกไปไม่ถึงบนฟ้า"
เด็กหญิงนั่งลงอย่างหมดแรง
"ลูกจะเป่าเมฆไปทำไม ลูกไม่ชอบเมฆเหรอคะ"
"หนูไม่ได้ไม่ชอบเมฆ หนูแค่อยากให่แดดออก"


ผ่านไปหลายปี เธอยังไม่ลืมคำแม่
"ลูกต้องรู้จักรอ เดี๋ยวแดดก็ออก"
เธอยังจำวันนั้นได้ดี
เธอตามแม่เข้าไปในบ้าน แม่ปิ้งขนมปังตัดเป็นชิ้นพอคำ แม่เทนมข้นหวานลงในถ้วยไว้จิ้มขนมปัง แล้วแม่ก็ชงโกโก้ให้
เธอรับประทานมันอย่างเอร็ดอร่อยจนลืมวันที่มืดหม่น
 ทันใดแสงแดดก็สาดส่องเข้ามาในห้อง
เธอวิ่งออกไป
มองทุกสิ่งใต้แสงแดดเจิดจ้า
เธอเงยหน้ามองฟ้า
"ขอบคุณนะก้อนเมฆ หนูไม่ได้ไม่ชอบก้อนเมฆนะคะ หนูแค่อยากให้แดดออก"



*

19.11.55

บ้าน / Home


Home โดย บอย โกสิยพงษ์ 
เจ้าสาวเดือนพฤษภา แปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ
ลงไว้ในสูจิบัตรพิธีแต่งงานเมื่อปี 2011




Flowers, doors, vases, soil and sand to large trees
Glasses, dishes, stairs, beautiful lanterns
Fences with paths, grass blades in the yard
This house will flourish only with you here

You are my strength, all that is meaningful
When you stand by me, I am without fear
Outside I’ll experience wrongdoings that wear me down
But I myself, will not fear


From the ground to the walls, it’s full of sweetness
Because I know I have you to rest my soul
Will you wait for me to provide you with comfort
I’ll  lay myself down to rest in my home

No matter how much changes over time
I will have you as my hopes and support
I’m prepared to keep, sacrifice my all and do all for our home




 Flowers, doors, vases, soil and sand to large trees
Glasses, dishes, stairs, beautiful lanterns
Fences with paths, they all would like to ask
How will this home flourish without you
Because your heart is my home


*
Home ร้องโดย ปั่น ไพบูลย์เกียรติ




ดอกไม้ ประตู แจกัน ดินทราย ต้นไม้ใหญ่
แก้วน้ำ
จานชาม บันได โคมไฟที่สวยงาม
ขอบรั้วและริมทางเดิน
ต้นหญ้าอยู่ในสนาม
บ้านนี้จะมีความงามได้ถ้ามีเธอ


เพราะเธอคือที่พักพิง
คือทุกสิ่งที่มีความหมาย
เมื่อเธออยู่เคียงชิดใกล้
เรื่องร้ายใดๆไม่เกรง
แม้ข้างนอกจะต้องเจอ
กับเรื่องราวที่ใครข่มเหง
แต่ฉันเองไม่คิดกลัว


จากพื้นดินชนเพดานนั้นมีความหวานอยู่

เพราะรู้ว่าฉันมีเธอคอยเป็นที่พักใจ

จะรอคอยฉันจริงๆ
เป็นหลักพึ่งพิงสุดท้าย
จะล้มตัวลงเอนกายที่บ้านของฉัน


*
ไม่ว่าวันเวลา จะเปลี่ยนหมุนเวียนไปเท่าไร
ฉันยังคงมีแต่เธอ
เป็นความหวังและความเข้าใจ
พร้อมจะเก็บทุกสิ่ง
ทิ้งความสุขทุกอย่าง
และจะทำทุกทางเพื่อบ้าน
หลังนี้

(
ซ้ำ *)

ดอกไม้
ประตู แจกัน ดินทราย ต้นไม้ใหญ่
แก้วน้ำ
จานชาม บันได โคมไฟที่สวยงาม
ขอบรั้วและริมทางเดิน
ก็ล้วนแต่มีคำถาม
บ้านนี้จะงามอย่างไรถ้าไม่มีเธอ

ก็เพราะว่าใจของเธอคือบ้าน
ของฉัน





*



16.11.55

โลกที่กลับกัน / Reverse World




 ฉันชอบมองไปไกล ๆ ไกลเท่าที่สายตาจะมองถึง

ในระดับสายตา ฉันพบผู้คน
บางขณะเวลา ฉันเลือกสถานที่บางแห่งเพื่อนิ่งมองผู้คนสัญจรผ่านไปผ่านมาอย่างไม่เบื่อหน่าย
เลยระดับสายตาขึ้นไป ฉันพบสิ่งก่อสร้าง บ้าน ตึกแถว
เลยขึ้นไปอีก ฉันเห็นสายไฟระโยงระยางจากเสาหนึ่งไปอีกเสาหนึ่ง
และไม้ใหญ่ที่กิ่งก้านเคยยื่นเข้าไปใกล้สายไฟถูกตัด
แขนขาขาดยืนต้นเรียงรายเป็นแถว
เลยขึ้นไป ฉันเห็นตึกสูง ตึกระฟ้า
สิ่งเหล่านั้นบดบังความว่าง
ฉันจึงมองสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ
สายตาที่แสวงหาความว่าง ย่อมพบความว่าง
ณ ที่สูงสุดเท่าที่ดวงตาจะมองถึง

ท้องฟ้า

ความว่างที่ไม่ว่างเปล่า

ความว่างทำให้จิตใจสงบ ความสงบก่อเกิดแรงบันดาลใจ
ณ ที่แห่งนั้น ความจริงและจินตนาการหลอมรวมเป็นบางสิ่ง
บางสิ่งที่เมื่อบังเกิดขึ้นแล้วทำให้เป็นสุข


มีสถานที่บางแห่งบนพื้นโลกที่ทำให้ฉันได้สัมผัสความโล่งว่าง
ฉันชอบไปที่นั่น ต้นไม้ใหญ่ยืนต้น
ต้นยางนาใหญ่ขนาดสามคนโอบ ต้นไทรที่มีหนวดยาวสีน้ำตาล
สนามหญ้ากว้างเขียวและทางเดินแคบ ๆ คดเคี้ยว
สะพานข้ามสระบัวที่ทำให้นึกถึงสะพานไม้ของโมเนย์
ที่นั่น ฉันยังสามารถมองท้องฟ้าทั้งในแนวดิ่งและแนวนอน
แนวดิ่งผ่านเงาไม้ แนวนอนผ่านทะเล
ที่นั่น ฉันรู้ว่าฉันจะพบใคร


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและชื่อของเขาก็โผล่บนหน้าจอพร้อมกัน
ฉันรับสาย
"โทรหาผมมีอะไรหรือเปล่า"
ฉันไม่แสดงความแปลกใจ และไม่พูดอะไร
ใครที่ฉันจะพบที่นั่นคือชายที่อยู่ในโลกที่กลับกัน

คุณสมบัติของเขาอยู่ที่ความสามารถเสมือนจะ"สวมรองเท้าของคนอื่น"ได้ทุกครั้งที่ต้องการ
การทำเช่นนั้นทำให้อีกฝ่ายต้องสวมรองเท้าของเขา
หรือในทางกลับกัน
ซึ่งหมายความว่า เขาจะสะท้อนการกระทำของฉันออกมาอย่างชัดเจน
ด้วยการ"สลับที่กัน"
เมื่อ "สลับที่กัน" ฉันจะเห็นภาพสะท้อนการกระทำและผลที่เกิดขึ้นจากมุมมองของเขา
บางครั้งการสลับที่ทำให้ฉันสะท้อนใจ บางครั้งสลดใจ เสียใจกับการกระทำของตัวเอง
แต่ฉันไม่ร้องไห้
จิตใจฉันไม่ได้กระด้างเย็นชา แต่เป็นเพราะมัวแต่ไล่เรียงสิ่งที่เขาพูดกับสิ่งที่ฉันได้ทำลงไป
การสลับที่บ้างและไม่สลับที่บ้างทำให้ฉันงงงวย

บ่อยครั้งใจฉันผ่อ หัวใจลดขนาด ทิ้งที่ว่างโหวงเหวงไว้ในอก

กระนั้นไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ
ทุกครั้งที่ใครก็ตามสวมรองเท้าของคนอื่น คน ๆ นั้นต้องถอดรองเท้าของตัวเองออกเสียก่อน
และเมื่อใครคนหนึ่งทำให้คนอีกคนหนึ่งสวมรองเท้าของเขา
เขาต้องพร้อมที่จะสวมรองเท้าของอีกฝ่ายด้วย

"คุณน่าจะสวมรองเท้าของฉันมั่ง"
"ผมสวมมันอยู่"
ฉันก้มมองเท้าของตัวเองในรองเท้าใหญ่ ๆ ของเขา
เหลือบมองรองเท้าของฉันที่ถอดทิ้งไว้บนผืนหญ้า
มันยังอยู่ที่นั่น

ตรงโน้นมีแผ่นหิน มันไม่เคยอยู่ที่นั่นมาก่อน
 ฉันเดินเข้าไปมองและอ่านตัวหนังสือ
มันจารึกไว้ว่า

มรณะ 30 พฤศจิกายน 2008

ชาตะ 1 ธันวาคม 2008

และข้างล่างคือชื่อของฉันเอง

ในโลกที่กลับกัน การเกิดกับการตายไม่แตกต่าง

ชื่อก็ไม่แตกต่าง

เพราะทุกอย่างคือการสลับที่กัน


*




14.11.55

อย่างนี้ดีแล้ว / As Good As It Is

Daybed Stories


1.

นางฟ้าอ้วนเฝ้าอุดรูโหว่ของบ้านหลังหนึ่ง เรียบร้อยไร้ร่องรอย

นางฟ้าผอมถาม "ทำไมเธออุดรูโหว่บ้านชายใจร้ายเจ้าหนี้เงินกู้ 
แต่ไม่อุดให้บ้านของชายยากจนที่ทำงานหนักมาตลอดชีวิต"

"อย่างนี้ดีแล้ว" นางฟ้าอ้วนตอบ

วันรุ่งขึ้นชายปล่อยเงินกู้หน้าเลือดถูมือไปมาอย่างพึงพอใจ
คนอย่างเขาช่างโชคดี แม้ยามหลับเทพผู้พิทักษ์ยังมาอุดรูโหว่ให้

ส่วนชายยากจนเห็นประกายแวววับลอดออกมาจากช่องโหว่ จึงเข้าไปดู
เขาพบทองคำ

(นิทานที่เพื่อนส่งมาทางเมล ไม่มีชื่อผู้เขียน)


2.


หญิงสาวคนหนึ่งมีงานที่ดี เธอทำงานที่บริษัทนี้มาสองปีแล้ว
เธอรู้สึกมั่นคงเพราะคนที่นี่ไม่มีใครลาออก
แต่แล้วเปลี่ยนผู้บริหาร นายคนใหม่ของเธอเป็นผู้หญิง
แทบในทันที นายใหม่บ่นว่าเธอทำงานไม่ดี
หญิงสาวคิดว่าเธออาจมีข้อบกพร่องจริงอย่างนายว่า จึงไปพบนักจิตวิทยา เขาบอกว่าเธอปกติดี
เธอจึงไปตรวจร่างกายพบว่าเป็นไทรอยด์
ที่อาจทำให้การตัดสินปัญหาของเธอผิดเพี้ยนและส่งผลให้มีลูกยาก
เธอจึงรีบรักษา ขณะเดียวกัน เธอก็หางานใหม่
เพื่อนลูกจ้างอีกหลายคนโดนส่งเรื่องไปองค์กรที่เกี่ยวกับการว่าจ้างเพื่อเลิกจ้าง
เธอสมัครงาน ถูกเรียกตัว และได้งาน
พบนายที่มีประสิทธิภาพ ทำงานด้วยจังหวะเดียวกันและพูดคุยกันถูกคอ
เงินเดือนที่ได้ยังเพิ่มขึ้นจากที่ขอไปมากโข

เวลานี้เธอทำงานอย่างเป็นสุข
รักษาตัวและรอลูกที่จะมาเกิด
ส่วนบริษัทเก่าเลิกจ้างพนักงานกว่าครึ่งในรอบห้าสิบปี สถานภาพของบริษัทร่อแร่
(เรื่องจริงจากปากถึงหู เกิดขึ้นที่ต่างประเทศ)





ถ้าไม่เกิดเรื่องเลวร้าย สิ่งดี ๆ ที่รออยู่ก็หมดโอกาสที่จะเป็นโอกาส
ถ้ามองปัญหาโดยไม่มองตัวเอง โอกาสที่จะแก้ไขปรับปรุงก็หมดไป
แก้ไขตัวเราเองง่ายกว่าแก้ไขคนอื่น

เรื่องร้ายที่เกิดขึ้นอาจเปรียบได้กับประตูที่เปิดออก
สู่การหลุดพ้น สู่หนทางใหม่
หลังผ่านบทพิสูจน์บนตาชั่งสุขทุกข์
ประหนึ่งทารกแรกเกิดรอวันที่ตามองเห็น

ตราบยังมีชีวิต ยังคงมีเรื่องตื่นใจให้พบเจอ
ให้เรียนรู้ ให้จดจำ ให้ตราตรึง
ชีวิตพาก้าวเดินไปพร้อมกัน
แม้บางครั้ง อาจเหมือนย้อนรอยทาง
แต่นั่นไม่ใช่เลย
เป็นเพียงการมองย้อน เพื่อทบทวน เพื่อหวนถึง เพื่ออำลา
เท่านั้นเอง

บางคนอาจเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นเหตุบังเอิญ
บางคนอาจเห็นว่าเป็นปาฎิหารย์
ก็ขึ้นอยู่กับเราจะเลือกว่าเป็นเหตุบังเอิญ หรือเป็นปาฎิหารย์ 
ไม่ว่าจะเลือกอะไร
ย่อมส่งผลต่อคุณค่าและความทนทานของมัน


อ่านหนังสือของโกวเล้ง มังกรเดียวดาย ทานซาละเปาเป็นของว่าง กับน้ำทับทิม

เวลาไม่ได้ลดน้อยลง
ช่วงเวลาต่างหากที่ลดทอนลงทุกขณะ สั้นยาวสูงต่ำไม่เท่ากัน
ช่วงเวลาส่งผล มีความสำคัญกับชีวิต
จึงถูกเรียกว่าช่วงเวลา

มีช่วงเวลาแย่ ๆ และช่วงเวลาดี ๆ
ที่ฉันและอีกหลาย ๆ คน เรียกว่า
ปาฎิหารย์




*





12.11.55

เก็บใบไม้ไว้ห่มโลก / Blanket Earth

ต้นเสน่ห์จันทร์ก้านแดง / King of Heart

ผืนดินกรุ่นไอแดดที่แผดเผา

หนักกลับเบาด้วยใบห่มพรมหญ้าหนา

ร่วงดอกใบวันวานผ่านเวลา

ลงปกปักพสุธาฟ้าจึงเย็น 



ต้นปีบ และ ต้นหางไก่ / Tree Jasmine & Rooster Tail


สูงตะวันส่องแสงส่งแรงโลก

ทั้งน้ำลมซมโศกโลกที่เห็น

คนเก็บกวาดซากเก่าเผาความเป็น

สร้างโลกเข็ญต่ำลานเพลิงเชิงตะกอน



ต้นไข่มุก / Pearl Plant


ร่วงดอกไม้ใบแห้งแห่งวันวาน
ปล่อยดินหวานสีน้ำตาลจากกาลก่อน
ห่มชื่นเย็นต่อชีวิตอย่าริดรอน

เขียวต้นอ่อนแตกใบในผุพัง


 
เฟิร์นข้าหลวง / Bird Nest Fern

  คือการทับซ้อน ผ่อนช่วงเวลา

รอต้นกล้าเกิดใหม่ใต้ความหลัง

หยั่งรากผลิใบ ได้พลัง

จากใบเก่าส่งกำลังหนุนแผ่นดิน



พืชคลุมดินไม่ทราบชื่อ / Ground Cover Plant


*


ห่มโลก / Blanket Earth


7.11.55

คนโง่บนภูเขา / Fool On The Hill - The Beatles




วันแล้ววันเล่า โดดเดี่ยวอยู่บนภูเขา
ชายผู้มีแววตาเหม่อลอยสงบนิ่งไม่ติงไหว
ไม่มีใครอยากรู้จักเขา ก็แค่ไอ้โง่คนหนึ่ง
และเขาไม่เคยตอบโต้

แต่เขาคนนี้หรือมิใช่ผู้เห็นดวงอาทิตย์ลอยต่ำลงลับวัน
อนันตดวงตาในห้วงนึกจับจ้องมองโลก ...
หมุนไป และ หมุนไป ...

หนทางราบรื่น ดุ่มเดินฝ่าหมอกเมฆ
ชายผู้มีพันเสียงตะโกนก้อง
ด้วยเสียงที่เขารู้สึก
จากห้วงลึกสู่หูผู้ไม่เคยได้ยิน
และดูเหมือนเขาเองก็ไม่ใส่ใจ

ไม่มีใครชอบเขา ผู้ไม่เคยบอกกล่าวว่าต้องการสิ่งใด
เขาผู้ไม่เคยแสดงความรู้สึก
แต่เขาคนนี้ เห็นดวงอาทิตย์ลอยต่ำลงลับวัน
อนันตดวงตาในห้วงนึกจับจ้องมองโลก ...
หมุนไป และ หมุนไป ...

และเขาไม่ฟังคนพวกนั้น ด้วยรู้ว่าล้วนคนเขลา
พวกนั้นชิงชังเขา คนโง่บนภูเขา
แต่เขาหรือมิใช่ ผู้เห็นดวงอาทิตย์ลอยต่ำลงลับวัน
อนันตดวงตาในห้วงนึกจับจ้องมองโลก ...
หมุนไป และ หมุนไป ...
เห็นโลกหมุน หมุน และ หมุน ...* 



Fool On The Hill / The Beatles

Day after day,
Alone on a hill,
The man with the foolish grin is keeping perfectly still
But nobody wants to know him,
They can see that he's just a fool,
And he never gives an answer,

But the fool on the hill,
Sees the sun going down,
And the eyes in his head,
See the world spinning 'round.

Well on the way,
Head in a cloud,
The man of a thousand voices talking perfectly loud
But nobody ever hears him of the sound he feels to make
But he never seems to notice
But the fool on the hill,
Sees the sun going down,
And the eyes in his head,
See the world spinning 'round.
And nobody seems to like him,
He wouldn’t tell what he wants to do,
and he never show his feelings,

But the fool on the hill,
Sees the sun going down,
And the eyes in his head,
See the world spinning 'round.
Oh oh oh oh oh oh ……….oh

Round round round round round ……..

He never listens to them,
He knows that they are fool
They don’t like him.

The fool on the hill
Sees the sun going down,
And the eyes in his head,
See the world spinning 'round.

Ooh……………….,
Round, round, round …….



คนโง่บนภูเขา “Fool on the hill” ของ “The Beatles”
เนื้อร้องทำนองโดย Paul McCartny
“เขียนขณะนั่งอยู่หน้าเปียโนที่บ้านพ่อในเมืองลิเวอร์พูล
กดคอร์ด D6th แล้วแต่งเพลงนี้” 




*