.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
1. บ้านสีขาว
.
.
ฉันเนรเทศตัวเองจากบ้านสีขาว
ขณะต้นคูณสิ้นดอกเหลืองพรูพราว
ฝักยาวน้ำตาลดำกระทบกันกุกกุกกราวกราว
บ้างร่วงลงดินดังปึ๊กปั๊ก
ฝักคูณเกลื่อนกล่น ...
.
.
ฉันเนรเทศตัวเองจากบ้านสีขาว
ขณะตะแบกสาวผลิดอกออกช่อบานเต็มต้น
ก้อนเมฆฟ้าคราม ระบายเถาพวงคราม ก่อนหน้าเคยเขียวหม่น
ดอกหล่นวนพริ้วริ้วสาย คล้ายการเคลื่อนไหวของเครื่องบินแมงปอ
ปลิดปลิวตามกันมาร่อนจอดบนลานหญ้า
.
.
ฉันเนรเทศตัวเองจากบ้านสีขาว
ขณะปีบโทนยังให้ดอกแม้ยืนต้นเดียวดาย
คล้ายเธอเล่าบอกตอกย้ำถึงบางคุณค่า
สายลมเสน่หาพาดอกน้อยแสนหอม
วางลงใต้ต้นอย่างอ่อนโยน
.
.
ถึงวันนี้... ตะเบบูญ่ายืนต้นโกร๋นด้วยยังไม่ผลิใบอ่อน
ดอกชมพูจรหายไปกับสายลม
เหมือนไม่เคยมีมาก่อนดอกใบ...
ทิ้งต้นใว้อ้างอิง ย้ำย้อน...
.
.
หางนกยูงเริ่มผลัดใบ
ไม่นานจะเห็นดอกสีแดงเป็นกลุ่มก้อน
แสงร้อนจะลุกโชน ไม่ไว้หน้าพฤกษาใด
.
.
ฉันเนรเทศตัวเองจากบ้านสีขาว
ไปยังสถานที่ที่ไม่มีอะไรเป็นของฉันเลย
.
.
~
.
.2. เมื่อดาวหมดฟ้า
.
กลับมาที่เดิม... มองเส้นขอบฟ้า
ที่พระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว เรือหาปลา...
จมหายไปในทะเล
ดีที่ไม่ใช่ฉันที่จมหาย
ดีที่ว่ายน้ำไม่แข็งพอ
.
.
คืนแรม
ทะเลยามดึก สีดำล้ำลึก หนาแน่นขุ่นข้นจริงหนอ
ฉันยื่นเท้าจ่อรีรอ
ไม่เอา ไม่ลอยคอ ไม่ยอมให้คลื่นกลืนกิน
.
.
เงยหน้ามองฟ้า...
ดาวสูง อย่าเพิ่งลงต่ำ ทะเลสีโคลนรอดูดลงไป
.
นั่นไง ! ดวงนั้นจมหายไปแล้ว
อีกหลายดวงกำลังตามไป
อีกดวง...
อีกหลายดวง
ฉันนั่งมองจนดาวหมดฟ้า
.
แล้ว พระอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นมา
.
.
ฉันนั่งรอวันใหม่ ไม่ใช่เฝ้ามองวันเก่า
.
ในที่สุด วันใหม่ก็มาถึง
.
.
~
.
3. เพียงแค่คิด
.
คืนเพ็ญ
ใต้ร่มพิกุลบนเขาสูง ณ ห้อมห้วงทะเลตะวันออก
หว่างช่องโหว่ยอดไม้ จันทร์เต็มดวงส่องสว่าง
เหนือเส้นหนาแนวนอนคลับคล้ายผิวห้วงน้ำสวรรค์
ขีดเส้นใต้คืนสำคัญ คืนจันทร์เพ็ญ
.
.
เดือนงามกระจ่าง
ไม่มีหญิงงามหรือกระต่าย
ไม่มีอะไรอื่น...
นอกจากเดือนกับรัศมีเรืองรอง
.
.
รัศมีจันทร์มาจากข้างนอก หากฉันเลือกเชื่อว่ามาจากข้างใน
คืนสันโดษนี้เป็นคืนจันทร์เต็มดวงของฉัน ชีวิตของฉัน
ชีวิตที่ครองความคิด จิตวิญญาณ ความรู้สึก...
ทั้งหมดเป็นของฉัน
.
.
ใครหรือจะปล้นตัวตนของใครได้
ฉันจักอยู่และตายไปกับมัน
เช่นเดียวกับคนอื่นอื่น
.
.
ในช่วงเวลา ”เพียงแค่คิด”
คำตอบที่รู้อยู่แล้ว ได้รับการยืนยัน
.
.
~
.
4. ชั่วขณะแห่งนิรันดร
.
ขณะคนอื่นพากันเดินขึ้นสู่วัดมาบจันทร์บนเขาสูง
ฉันเดินทอดน่องอย่างสำรวมอยู่บนเนินลาดชันเพียงลำพัง
ใต้แสงสีเหลืองของโคมไฟถนน
ฉันเห็นดอกปีบบอบบางสีขาว นอนนิ่งอยู่ริมถนนคอนกรีตสะอาดสะอ้าน
ฉันเก็บเพียงดอกเดียว ยกขึ้นดอมดมอย่างทนุถนอม
ดอกไม้จากต้นสูงสล้าง หมดแรงทิ้งตัวลงสู่พื้น
เช่นเดียวกับสรรพสิ่งบนผืนโลก
.
.
ฉันนำดอกไม้ที่เก็บมา วางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง
มองดอกน้อยอ่อนระทวยบนแผ่นไม้
กลิ่นหอมกรุ่นกระจายทั่วบริเวณเล็กเล็ก ในโลกใบเล็กของฉัน
หอมนาน...หอมทนแม้ยามกรอบแห้งเป็นสีน้ำตาล
.
.
เมื่อพูดถึงดอกไม้ดอกนี้
ย่อมนึกถึงกลิ่นหอมที่บ่งบอกคำจำกัดความของเธอ
ดอกปีบ กาสะลอง ทรีจัสมิน
.
.
ในค่ำคืนนั้น ฉันหลับตาก่อนยื่นมือออกไป...
จมูกรับรู้กลิ่นหอมเคยคุ้น
บางอย่างเล็กเล็กนุ่มนุ่มถูกโปรยลงสู่อุ้งมือว่างเปล่า
กลิ่นหอมกำจาย
.
.
ฉันยิ้ม...ก่อนลืมตาขึ้นมอง
ดอกขาวใต้ต้นที่ฉันไม่ได้เก็บ
.
ในชั่วขณะแสนสั้น
พลันระลึกรู้... ว่ากำลังสัมผัสเสี้ยวหนึ่งแห่งนิรันดร
ผ่านกอบดอกไม้ไร้น้ำหนัก
ฉันก้มลงจุมพิตดอกไม้ในอุ้งมือ
.... อย่างรู้คุณ .....
.
.
.
.
.
.
.