เหตุเกิดขึ้นเพราะหนังสือเล่มนี้
เอ็ม.เอ็ม. เคย์ เป็นนักเขียนหญิงชาวอังกฤษที่เกิด เติบโต และใช้ช่วงต้นของชีวิตแต่งงานอยู่ในอินเดีย
ช่วง บริทิช ราช (British Raj) ตอนอินเดียเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
ฉันสนใจประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ของประเทศเก่าแก่ที่มีความขัดแย้ง
ขนบธรรมเนียม ประเพณี สถานภาพและสถานการณ์ที่ส่งผลต่อชีวิตผู้คน
โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นในประเทศที่เป็นเมืองขึ้น
ขนบธรรมเนียม ประเพณี สถานภาพและสถานการณ์ที่ส่งผลต่อชีวิตผู้คน
โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นในประเทศที่เป็นเมืองขึ้น
วิธีง่ายที่สุดที่จะได้เรียนรู้อย่างเพลิดเพลินก็ด้วยการอ่านนวนิยายดี ๆ
ที่มีฉากหลังและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
เอ็ม.เอ็ม.เคย์รักประเทศนั้น เธอรู้เรื่องราวและปมปัญหาอย่างลึกซึ้ง
หนังสือเล่มนี้รับจากมือของท่านผู้ใหญ่ชาวอินเดีย ดร.อิดรัค บัตตี้
ท่านและภรรยาสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยในนิวเดลลี ใช้ชีวิตสมถะมาก
บ้านของท่านเต็มไปด้วยหนังสือ
บ้านของท่านเต็มไปด้วยหนังสือ
มีหนังสืออยู่ในตู้ บนหิ้ง บนโต๊ะ บนพื้น ที่บันได
มีหนังสืออยู่ทุกที่ เวลาเดินก็ต้องหลบ ๆ หลีก ๆ หนังสือ
เวลาจะนั่งก็ต้องเลื่อนหนังสือออกไปหน่อยก่อนนั่งลงตัวลีบ
ท่านจบจากออกซ์ฟอร์ด และภรรยาของท่านจบจากซอร์บอนน์
ท่านรับทำบางโครงการพิเศษกับยูเอ็นเมื่อจำเป็น
ท่านอยู่ในวรรณะกษัตริย์
ทั้งสองไม่สนใจเปลือกนอก
ท่านอยู่ในวรรณะกษัตริย์
แต่ก็บอกทันทีว่าอย่าตื่นเต้นเลย กษัตริย์แต่ละพระองค์ต่างมีพระชายาหลายองค์
ลูกหลานย่อมมากเป็นธรรมดา
วันที่ไปบ้านท่านครั้งแรก ภรรยาผู้ใจดีสวมสาหรี่ที่มีรอยกร่อนบางจนเป็นรูทั้งสองไม่สนใจเปลือกนอก
ท่านทั้งสองโดดเด่นเป็นตัวเองอย่างสูง พบแล้วก็ประทับใจไม่ลืมเลือน
ฉันได้หนังสือหลายเล่มจากท่าน และยังได้พบเจอเวลาท่านเดินทางมาเมืองไทยอีกหลายครั้งหลายหน
ฉันได้หนังสือหลายเล่มจากท่าน และยังได้พบเจอเวลาท่านเดินทางมาเมืองไทยอีกหลายครั้งหลายหน
หนังสือเล่มนี้เนื้อเรื่องเข้มข้น เต็มไปด้วยความขัดแย้งทั้งเรื่องเชื้อชาติ วรรณะ สถานะ วัฒนธรรมที่ส่งผลต่อตัวละคร
เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปฎิวัติเพื่ออิสรภาพของอินเดีย
เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปฎิวัติเพื่ออิสรภาพของอินเดีย
ในหนังสือกล่าวถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่ป้อมแดง (Red Fort) ระหว่างทหารอังกฤษกับอินเดีย
.ตัวหนังสือเขียนไว้ว่า
"ที่บันไดในป้อมแดงแห่งนี้ เลือดของคนอังกฤษและอินเดียไหลรวมกันลงมาเป็นสาย"
บอกตนเองว่า จะต้องไปเรดฟอร์ทให้ได้
จะไปดู จะไปให้ถึงบันไดนั้น
แล้วก็ได้ไป
เรด ฟอร์ท สร้างโดยกษัตริย์โมกุล
เราใช้เวลาอยู่ที่นั่นไม่น้อย เราไปถึงบันไดนั้น มันเป็นบันไดแคบ ๆ และโค้ง
ฉันยืนมองแล้วนึกถึงสายเลือดที่ไหลลงมา
ไม่อาจแยกเชื้อชาติ
รวมเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความตาย
เวลานั้น ไม่ได้คิดถึงเจ้าหญิงที่เป็นนางเอกของเรื่องเลยแม้แต่น้อย
แต่ตอนกลับ สายตาที่ไม่หยุดนิ่งเพราะมีอะไร ๆ ให้ดู ให้จำมากมาย
ก็พบบางคน
บางคนที่เตือนให้นึกถึงเจ้าหญิง
เธอปรากฏตัวที่ตรงนี้เลยค่ะ
หญิงสาวบอบบางคนนั้นสวมใส่สาหรี่สีเขียวมรกตปักลายทอง
มีผ้าคลุมที่เธอจับไว้ให้ปิดหน้าเกือบมิด ที่นั่นลมแรงมาก
ฉันอยู่ไกลออกไปมาก สนามหญ้ากว้างเขียวหนากั้นขวางเราไว้
ไม่สามารถเห็นใบหน้าส่วนที่พ้นผ้าคลุมได้
สิ่งที่ทำให้เหลือบเห็นเธอก็เป็นแสงแวบวิบไหวจากสาหรี่ในแดดจ้ายามบ่าย
ข้างหน้าเธอมีชายตัวดำ ๆ ส่วนล่างพันไว้ด้วยผ้าป่านขาวเหมือนโจงกระเบน ส่วนบนสวมเสื้อสีเดียวกัน
มีด้วยกันสามคน สองคนเดินน้ำหน้าและอีกคนตามหลัง
มีด้วยกันสามคน สองคนเดินน้ำหน้าและอีกคนตามหลัง
ข้าง ๆ เธอมีหญิงอินเดียอ้วน ๆ วัยชราสองคนประกบ
ยิ่งทำให้งงงวยและได้สติในเวลาเดียวกัน
จะต้องถ่ายภาพเธอไว้ให้ได้ กล้องของเรามีซูมที่ทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เป็นไปได้
บนทางยาวนั้น เธอรู้ดีว่ากำลังถูกจับจ้อง เรากำลังจะถ่ายภาพเธอ
เธอปล่อยนิ้วที่คีบผ้าคลุมหน้าไว้ เห็นใบหน้ากันเต็มตาแม้จะไกล
เลนส์เห็นได้ดีกว่า
สองหญิงชราโวยวาย เธอใช้นิ้วคีบผ้าไว้ดังเดิม
แล้วเธอก็ปล่อยอีก เราถ่ายภาพเธอไว้เป็นชุด
เรากำลังเล่นกัน ฉันและเธอ เรารู้กัน
บางที เราอาจอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน และมาถึงเรด ฟอร์ทในวันและเวลาเดียวกัน
เรากำลังเล่นกัน ฉันและเธอ เรารู้กัน
บางที เราอาจอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน และมาถึงเรด ฟอร์ทในวันและเวลาเดียวกัน
หญิงชราเห็นเราแล้ว สองนางตะโกนร้องบอกผู้ติดตาม พวกเขาออกวิ่งไล่
ยังดีที่ไกลกัน
หันไปดูไม่รู้พวกนั้นคว้าไม้ท่อนเบ้อเริ่มมาจากไหน
คงจะตีหนุ่มคนที่ให้ช่วยถ่ายภาพ
คงจะตีหนุ่มคนที่ให้ช่วยถ่ายภาพ
เราวิ่งไปโผล่ที่ถนนคนเดินที่นักท่องเที่ยวมาช็อปปิ้งกัน
มีร้านขายของสองข้างทาง ผู้คนพลุกพล่าน
โชคดี
เราหันไปมอง พวกที่วิ่งตามถอดใจและคงเพราะเป็นห่วงเจ้าหญิง(ของฉัน)ด้วย
พ้นอันตราย เหนื่อยแทบตาย เราหัวเราะกันจนตัวงอ
ก่อนกลับไปพบกับ
ความเสียใจ
ดร.อิดรัคบอกเราว่า แสงวับแวบที่สะดุดตาฉันเป็นกระจกที่ปักลงบนผ้าสาหรี่
รวมทั้งผ้าคลุมหน้าปิดมิดชิดบ่งบอกว่าเธอเป็นมุสลิม
พวกเขาเชื่อว่า การถ่ายรูปคือการเอาดวงวิญญาณไป
คนที่โดนถ่ายรูปจะมีอันเป็นไป
โบสถ์ของศาสนานี้จึงตกแต่งด้วยลวดลายเรขาคณิต
ไม่ใช่ภาพคนหรือสัตว์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำให้หยุดถ่ายภาพคนแปลกหน้า
เพราะทำครั้งแรกก็เป็นเรื่องใหญ่โตจนลืมไม่ลง
แต่ตอนวิ่งหนึไปบนถนนคนเดิน เหมือนกับวิ่งอยู่ในหนังเลย
อันนี้ก็จำได้ไม่ลืม
อันนี้ก็จำได้ไม่ลืม
ตั้งใจจะถ่ายภาพคนแปลกหน้าบนถนนอีกครั้ง
ประสบการณ์ครั้งใหม่นี้อาจเปลี่ยนไป
ในทางที่ดี
สนุกค่ะ เห็นภาพทุกตอน
ตอบลบอยากเห็นจัสวิ่งหนีแขก
^^
MinMintra
เหมือนได้เล่นหนังเลยค่ะ
ตอบลบ^^