Home Photo

Home Photo
Happy New Year 2019

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
กว่าจะมาสวัสดีได้ก็ผ่านไปถึง 15 วันแล้ว
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
แต่เราก็ยังมีอีก 11 เดือนครึ่งที่เหลืออยู่ให้ได้ทำอะไร ๆอย่างที่ใจปรารถนา
ขอส่งความรู้สึกดี ๆ ส่งแรงกายและแรงใจ และความเบิกบานเป็นสุขถึงเพื่อนอ่านทุกคนค่ะ

ลงภาพวาดหมายเลข 5 ซึ่งเป็นภาพเล็กหรือภาพลองวาดในกระทู้ "บทกวีบนแคนวาส"แล้วนะคะ

จัสมิน
15 มกราคม 2562


7.12.55

เมื่อฉันถ่ายรูปคนแปลกหน้า / When I took pictures of a stranger, Delhi India

เหตุเกิดขึ้นเพราะหนังสือเล่มนี้


เอ็ม.เอ็ม. เคย์ เป็นนักเขียนหญิงชาวอังกฤษที่เกิด เติบโต และใช้ช่วงต้นของชีวิตแต่งงานอยู่ในอินเดีย
ช่วง บริทิช ราช (British Raj) ตอนอินเดียเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
ฉันสนใจประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ของประเทศเก่าแก่ที่มีความขัดแย้ง
ขนบธรรมเนียม ประเพณี สถานภาพและสถานการณ์ที่ส่งผลต่อชีวิตผู้คน
โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นในประเทศที่เป็นเมืองขึ้น
วิธีง่ายที่สุดที่จะได้เรียนรู้อย่างเพลิดเพลินก็ด้วยการอ่านนวนิยายดี ๆ
ที่มีฉากหลังและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

เอ็ม.เอ็ม.เคย์รักประเทศนั้น เธอรู้เรื่องราวและปมปัญหาอย่างลึกซึ้ง
หนังสือเล่มนี้รับจากมือของท่านผู้ใหญ่ชาวอินเดีย ดร.อิดรัค บัตตี้

ท่านและภรรยาสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยในนิวเดลลี ใช้ชีวิตสมถะมาก
บ้านของท่านเต็มไปด้วยหนังสือ
มีหนังสืออยู่ในตู้ บนหิ้ง บนโต๊ะ บนพื้น ที่บันได
มีหนังสืออยู่ทุกที่ เวลาเดินก็ต้องหลบ ๆ หลีก ๆ หนังสือ
เวลาจะนั่งก็ต้องเลื่อนหนังสือออกไปหน่อยก่อนนั่งลงตัวลีบ
ท่านจบจากออกซ์ฟอร์ด และภรรยาของท่านจบจากซอร์บอนน์
ท่านรับทำบางโครงการพิเศษกับยูเอ็นเมื่อจำเป็น
ท่านอยู่ในวรรณะกษัตริย์
แต่ก็บอกทันทีว่าอย่าตื่นเต้นเลย กษัตริย์แต่ละพระองค์ต่างมีพระชายาหลายองค์
ลูกหลานย่อมมากเป็นธรรมดา
 วันที่ไปบ้านท่านครั้งแรก ภรรยาผู้ใจดีสวมสาหรี่ที่มีรอยกร่อนบางจนเป็นรู
ทั้งสองไม่สนใจเปลือกนอก
ท่านทั้งสองโดดเด่นเป็นตัวเองอย่างสูง พบแล้วก็ประทับใจไม่ลืมเลือน
ฉันได้หนังสือหลายเล่มจากท่าน และยังได้พบเจอเวลาท่านเดินทางมาเมืองไทยอีกหลายครั้งหลายหน

หนังสือเล่มนี้เนื้อเรื่องเข้มข้น เต็มไปด้วยความขัดแย้งทั้งเรื่องเชื้อชาติ วรรณะ สถานะ วัฒนธรรมที่ส่งผลต่อตัวละคร
เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปฎิวัติเพื่ออิสรภาพของอินเดีย

ในหนังสือกล่าวถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่ป้อมแดง (Red Fort) ระหว่างทหารอังกฤษกับอินเดีย
.ตัวหนังสือเขียนไว้ว่า
"ที่บันไดในป้อมแดงแห่งนี้ เลือดของคนอังกฤษและอินเดียไหลรวมกันลงมาเป็นสาย"

บอกตนเองว่า จะต้องไปเรดฟอร์ทให้ได้
จะไปดู จะไปให้ถึงบันไดนั้น

แล้วก็ได้ไป

เรด ฟอร์ท สร้างโดยกษัตริย์โมกุล




เราใช้เวลาอยู่ที่นั่นไม่น้อย เราไปถึงบันไดนั้น มันเป็นบันไดแคบ ๆ และโค้ง
ฉันยืนมองแล้วนึกถึงสายเลือดที่ไหลลงมา
ไม่อาจแยกเชื้อชาติ
รวมเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความตาย

เวลานั้น ไม่ได้คิดถึงเจ้าหญิงที่เป็นนางเอกของเรื่องเลยแม้แต่น้อย
แต่ตอนกลับ สายตาที่ไม่หยุดนิ่งเพราะมีอะไร ๆ ให้ดู ให้จำมากมาย
ก็พบบางคน

บางคนที่เตือนให้นึกถึงเจ้าหญิง

เธอปรากฏตัวที่ตรงนี้เลยค่ะ


หญิงสาวบอบบางคนนั้นสวมใส่สาหรี่สีเขียวมรกตปักลายทอง 
มีผ้าคลุมที่เธอจับไว้ให้ปิดหน้าเกือบมิด ที่นั่นลมแรงมาก
ฉันอยู่ไกลออกไปมาก  สนามหญ้ากว้างเขียวหนากั้นขวางเราไว้
ไม่สามารถเห็นใบหน้าส่วนที่พ้นผ้าคลุมได้
สิ่งที่ทำให้เหลือบเห็นเธอก็เป็นแสงแวบวิบไหวจากสาหรี่ในแดดจ้ายามบ่าย

ข้างหน้าเธอมีชายตัวดำ ๆ ส่วนล่างพันไว้ด้วยผ้าป่านขาวเหมือนโจงกระเบน ส่วนบนสวมเสื้อสีเดียวกัน
มีด้วยกันสามคน สองคนเดินน้ำหน้าและอีกคนตามหลัง
ข้าง ๆ เธอมีหญิงอินเดียอ้วน ๆ วัยชราสองคนประกบ
ยิ่งทำให้งงงวยและได้สติในเวลาเดียวกัน
จะต้องถ่ายภาพเธอไว้ให้ได้ กล้องของเรามีซูมที่ทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เป็นไปได้
บนทางยาวนั้น เธอรู้ดีว่ากำลังถูกจับจ้อง เรากำลังจะถ่ายภาพเธอ 
เธอปล่อยนิ้วที่คีบผ้าคลุมหน้าไว้ เห็นใบหน้ากันเต็มตาแม้จะไกล
เลนส์เห็นได้ดีกว่า
สองหญิงชราโวยวาย เธอใช้นิ้วคีบผ้าไว้ดังเดิม
แล้วเธอก็ปล่อยอีก เราถ่ายภาพเธอไว้เป็นชุด
เรากำลังเล่นกัน ฉันและเธอ เรารู้กัน

 บางที เราอาจอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน และมาถึงเรด ฟอร์ทในวันและเวลาเดียวกัน
หญิงชราเห็นเราแล้ว สองนางตะโกนร้องบอกผู้ติดตาม พวกเขาออกวิ่งไล่
ยังดีที่ไกลกัน
 หันไปดูไม่รู้พวกนั้นคว้าไม้ท่อนเบ้อเริ่มมาจากไหน
คงจะตีหนุ่มคนที่ให้ช่วยถ่ายภาพ
เราวิ่งไปโผล่ที่ถนนคนเดินที่นักท่องเที่ยวมาช็อปปิ้งกัน 
มีร้านขายของสองข้างทาง ผู้คนพลุกพล่าน
โชคดี
เราหันไปมอง พวกที่วิ่งตามถอดใจและคงเพราะเป็นห่วงเจ้าหญิง(ของฉัน)ด้วย
พ้นอันตราย เหนื่อยแทบตาย เราหัวเราะกันจนตัวงอ 
ก่อนกลับไปพบกับ
ความเสียใจ

ดร.อิดรัคบอกเราว่า แสงวับแวบที่สะดุดตาฉันเป็นกระจกที่ปักลงบนผ้าสาหรี่
รวมทั้งผ้าคลุมหน้าปิดมิดชิดบ่งบอกว่าเธอเป็นมุสลิม
พวกเขาเชื่อว่า การถ่ายรูปคือการเอาดวงวิญญาณไป
คนที่โดนถ่ายรูปจะมีอันเป็นไป
โบสถ์ของศาสนานี้จึงตกแต่งด้วยลวดลายเรขาคณิต
ไม่ใช่ภาพคนหรือสัตว์

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำให้หยุดถ่ายภาพคนแปลกหน้า
เพราะทำครั้งแรกก็เป็นเรื่องใหญ่โตจนลืมไม่ลง

แต่ตอนวิ่งหนึไปบนถนนคนเดิน เหมือนกับวิ่งอยู่ในหนังเลย
อันนี้ก็จำได้ไม่ลืม

ตั้งใจจะถ่ายภาพคนแปลกหน้าบนถนนอีกครั้ง
ประสบการณ์ครั้งใหม่นี้อาจเปลี่ยนไป
 ในทางที่ดี





2 ความคิดเห็น:

  1. สนุกค่ะ เห็นภาพทุกตอน
    อยากเห็นจัสวิ่งหนีแขก
    ^^

    MinMintra



    ตอบลบ
  2. เหมือนได้เล่นหนังเลยค่ะ

    ^^

    ตอบลบ