Home Photo

Home Photo
Happy New Year 2019

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
กว่าจะมาสวัสดีได้ก็ผ่านไปถึง 15 วันแล้ว
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
แต่เราก็ยังมีอีก 11 เดือนครึ่งที่เหลืออยู่ให้ได้ทำอะไร ๆอย่างที่ใจปรารถนา
ขอส่งความรู้สึกดี ๆ ส่งแรงกายและแรงใจ และความเบิกบานเป็นสุขถึงเพื่อนอ่านทุกคนค่ะ

ลงภาพวาดหมายเลข 5 ซึ่งเป็นภาพเล็กหรือภาพลองวาดในกระทู้ "บทกวีบนแคนวาส"แล้วนะคะ

จัสมิน
15 มกราคม 2562


29.7.56

ห้องสีวานิลลา / Vanilla Room


Vanilla Rose

เราต่างคนต่างเดินทาง
บนคนละเส้นทาง
เดียวกัน

ถนนสายชีวิต

เราต่างคนต่างมีนาฬิกา ที่เดินไปช้า ๆ
นาฬิกาของเรา
เดินไปตามมาตรฐานของนาฬิกาหรือเปล่านะ
 นาฬิกาของผู้ไม่เร่งรัดกับปลายทาง


เช้านี้ คุณอาจนั่งทอดหุ่ยจิบกาแฟอยู่ที่ร้านริมทางเท้า
ขณะฉันกำลังปิ้งขนมปังและอุ่นเนยอยู่ในครัวที่บ้าน
กาแฟใส่นมปรากฏอยู่ในอนาคตกาลใกล้ ๆ
ใกล้เท่ากับการกระพริบตาถี่ ๆ ไม่กี่ครั้ง


แดดเช้า ค่อย ๆ คืบคลานผ่านหน้าต่างกระจกเข้ามา
ผนังห้องสีวานิลลากลายเป็นสีกลีบดอกการเวก คุณจะบอกอย่างนั้น
ส่วนฉันจะบอกว่า ห้องเปลี่ยนเป็นสีแสงแดด
แต่ไม่ว่าใครจะเรียกว่าอย่างไร
ห้องก็เป็นห้องสีเหลืองสดใสที่มีแสงแดดส่องสว่าง


ตัวหนังสือของฉันกำลังบอกว่าสบายดี
คำว่าสบายดีคงไม่ผิวเผินจนเกินไป
ถึงแม้มันจะเป็นคำตอบที่คุ้นชินตามมาตรฐานสามัญ
ฉันก็ไม่อาจเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น


เราต่างคนต่างเดินทาง
ในห้วงยามเช่นนี้ ฉันรู้สึกว่า
เรากำลังเดินทางไปด้วยกัน




*





17.7.56

ทวนกระแสนที / Against The Tide



กระแสธาร หรือเปลี่ยนไปตามกาลแห่งยุคสมัย
สายน้ำ ยังคงล่องไหลเรื่อยไปในทิศทางเดิม
ทวนกระแสนทีเช่นหมู่แซลมอนย้อนคืนวางไข่
คลื่นลูกแล้วลูกเล่า ถาโถมเข้าใส่
หากสิ่งใดหรืออะไร
... ช่างเปราะบาง


ทวนกระแสธาร หว่านเมล็ดพันธุ์ยังสองฝั่ง
ทวนมหานที แม่น้ำนี้แสนกว้างใหญ่
ทวนคลื่นทะเล อ้างว้างไม่เห็นอื่นใด
คลื่นกระทบทะเลใน
สิ่งใดหรือ สิ่งใด
ที่เปราะบาง


*

Salmon leaping

แซลมอนเป็นปลาสองน้ำ เกิดในน้ำจืด แล้วอพยพสู่ทะเล
แซลมอนจะกลับไปวางไข่ในน้ำจืด ณ ถิ่นเกิดของมัน

Thanks to wikipedia

11.7.56

บทสนทนาไร้เสียง / Silent Dialogue


เขาชวาคู่รักกับนกกางเขน / Zebra dove couple and a robin


ฝนโปรยโรยเส้นสายบางเบาอยู่ข้างนอก
ที่ระเบียงหน้าตึกใต้ชายคา คนสามคนยืนอยู่ด้วยกัน
พี่ชายน้องสาวกำลังพูด เธออีกคนกำลังฟัง

"เราจะไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้วใช่มั้ยพี่ชาย"
"ขึ้นอยู่กับว่าคนบางคนจะให้บางสิ่งที่สำคัญกับพี่หรือเปล่า"
คนเป็นน้องมองคนยังไม่พูดและหยุดสายตาอยู่ที่เธอ "ถ้าไม่ล่ะ"
"หวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น แต่พี่ก็แค่คาดเดา คาดหวังอย่างเคย"
"ถ้าที่นี่ไม่ต้องการเรา เราจะกลับไปที่ ๆ เราจากมาได้มั้ย"

"ไกลเกินอยากจะย้อนกลับ
ยอมรับเถอะว่า ไม่มีทางเลือกไหนให้เสรีภาพแท้จริง
การดำรงอยู่ของเราไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น
เราตกอยู่ในรั้วรอบของขอบเขตและข้อกำหนด"

"หมายความว่าเรากลับไปที่นั่นไม่ได้อีกแล้ว" คนเป็นน้องร้อนรน
"เธอน่าจะรู้ดีว่ามีพื้นที่สำหรับเราเสมอขณะที่เราดำรงอยู่
เราน่าจะไปกันได้แล้วถ้าไม่ติดขัดอะไร" ประโยคหลัง เขาพูดกับคนยังไม่พูด
"ฉันไม่ติดขัดอะไร" เธอตอบเขาก่อนหันไปปลอบโยนคนกำลังหวั่นวิตก
"อย่าคิดมาก จริง ๆ แล้ว ไม่มีใครรู้แน่หรอกว่าอะไรรออยู่ข้างหน้า อาจไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้"

ใต้ฝนโปรย ทั้งสามเดินไปที่รถ
บางคนก้าวพ้นความมัวมนสู่แสงใหม่ เรียกชีวิตว่าการดำรงอยู่
เธอเรียกชีวิตว่าชีวิต ไม่เคยเรียกว่าการดำรงอยู่เลยสักครั้ง
ชีวิตคลุมเคลือเกินไป
แต่การดำรงอยู่นั้นชัดเจน
 

"เหมือนปาฏิหารย์ที่เห็นคุณขับรถในกรุงเทพ" เธอเปรย
"ครับ ปาฏิหารย์อายุสั้น แต่ผลของมันอาจยาวนานเท่าการดำรงอยู่"
เธอยิ้ม "ฉันคงเงียบไปอีกนาน"

บทสนทนาหยุดลง
ต่างคนต่างข้องติดอยู่กับความคิดของตนเอง
ขณะที่รู้ว่าความคิดของพวกเขานั้นเชื่อมโยงกัน
เป็นบทสนทนาไร้เสียงที่ทำให้อุ่นใจ




*