ช่วงเวลาของความสุขสงบที่สุดในชีวิตชากัลสิ้นสุดลง
ความเกลียดชังชาวยิวน่าพรั่นพรึงคืบคลานเข้ามาจากใจกลางยุโรป
ปี 1933 พรรคนาซีขึ้นครองอำนาจในเยอรมันและแพร่กระจายความชิงชังชาวยิว(Antisemitism)อย่างเปิดเผย
เรียกร้องให้กำจัดและขับไล่ชาวยิวจากเยอรมัน
ยุโรปตะวันออกก็เช่นกัน พวกเขาต่อต้านชาวยิวมาแต่ไหนแต่ไรในประวัติศาสตร์ ซึ่งมักเข้มข้นรุนแรงขึ้นทุกสองสามทศวรรษก่อนเงียบหายไปเพื่อจะย้อนกลับมาอีก
ในฐานะที่ชากัลเป็นชาวยิวคนหนึ่งในยุโรปตะวันออก เช่นเพื่อนๆและครอบครัวที่อยู่อาศัยในประเทศเหล่านั้น พวกเขารู้สึกถึงการต่อต้านยิวอย่างรุนแรง
ปี 1934 ในกรุงวอร์ซอร์ ออสเตรีย
ขณะเดินอยู่บนท้องถนน ชากัลเห็นเพื่อนชาวยิวถูกดูหมินเหยียดหยามเพราะความเชื่อทางศาสนา
ปี 1937 ภาพวาดจำนวน 59 ภาพที่อยู่ในเยอรมันถูกนำออกแสดงในฐานะภาพแห่งความเสื่อมถอย (Degenerate Art)
ชากัลสนองตอบต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นด้วยการพยายามเชื่อมต่อความขัดแย้งระหว่างสองศาสนา คือลัทธิยูดาและคริสต์ศาสนาผ่านงานศิลป์ของเขา
ภาพวาด"เดียวดาย" (Solitude) ในปี 1933 บ่งบอกความโศกระทมและความเจ็บปวดของชาวยิวท่ามกลางพายุมืดหม่นและเทพแห่งสันติภาพกำลังบินจากไป
ภาพการปฎิวัติ (The Revolution) ในปี 1937 ประนามการปฎิวัติบอลเชวิค
ภาพของผู้คนที่มีอาวุธพร้อมมือในเสื้อผ้าหยาบกระด้างสกปรกเดินแถวผ่านแผ่นผ้าใบในขณะที่คนอีกกลุ่มผ่อนคลายอย่างเงียบสงบและเพลิดเพลินอยู่กับชีวิต
พวกปฏิวัติเหยียบย่ำลงบนคนบาดเจ็บและคนตายขณะก้าวเท้าไปข้างหน้า
ตรงกลางภาพ เขาวาดเลนินทรงตัวอยู่บนมือหนึ่งและใช้อีกมือหนึ่งบงการ
ปี 1938 ชากัลวาดงานชิ้นเยี่ยมแห่งชีวิต ภาพ กางเขนขาว (White Crucifixion)
ตรงกลางภาพ พระเยซูถูกตรึงอยู่บนกางเขน รอบพระองค์เป็นสัญลักษณ์ของชาวยิว เพื่อย้ำว่ารกรากของพระองค์มาจากลัทธิยูดา
มีพรรคคอมมิวนิสต์และนาซีอยู่ทางด้านซ้ายและขวาของภาพวาด ไล่ล่าชาวยิวและทำลายบ้านเรือนของพวกเขา
ที่ปลายกางเขนชาวยิวหนีตายไปทุกทิศ
ภาพกางเขนขาวของชากัล และ ภาพ Guernica ของพาโบล ปิคัสโซ่ เป็นงานศิลป์ที่แสดงออกถึงการต่อต้าน ประนามสงครามและความชิงชังที่โดดเด่นที่สุดแห่งศตวรรษที่ยี่สิบ
ช่วงปีระหว่างนี้ชากัลเดินทางมาก เขาไปร่วมงานเปิดพิพิธภัณฑ์ที่เทลาวีฟ ในเขตปาเลสไตน์ของอังกฤษ
เขาเดินทางไปซีเรียและอียิปต์ ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษในขณะนั้น
เขาไปฮอลแลนด์และได้ชมผลงานของเร็มแบรนด์ทเป็นครั้งแรก
และภาพวาดโดยเอล เกรโกในสเปน
งานของศิลปินทั้งสองส่งผลต่อชากัลอย่างผิวเผิน
เขาไปสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน และโปแลนด์
ทั้งยังเดินทางทั่วฝรั่งเศส
การเดินทางทั้งหมดนี้ไม่ได้สะท้อนลงในภาพวาดของชากัล
ทุกชั่วขณะบนเส้นทางศิลปะ
ภาพวาดของเขาก่อเกิดและแตกกิ่งก้านสาขามาจากความคิดและการสร้างสรรค์โดยจินตนาการ
*ติดตามตอนต่อไป
ความเกลียดชังชาวยิวน่าพรั่นพรึงคืบคลานเข้ามาจากใจกลางยุโรป
ปี 1933 พรรคนาซีขึ้นครองอำนาจในเยอรมันและแพร่กระจายความชิงชังชาวยิว(Antisemitism)อย่างเปิดเผย
เรียกร้องให้กำจัดและขับไล่ชาวยิวจากเยอรมัน
ยุโรปตะวันออกก็เช่นกัน พวกเขาต่อต้านชาวยิวมาแต่ไหนแต่ไรในประวัติศาสตร์ ซึ่งมักเข้มข้นรุนแรงขึ้นทุกสองสามทศวรรษก่อนเงียบหายไปเพื่อจะย้อนกลับมาอีก
ในฐานะที่ชากัลเป็นชาวยิวคนหนึ่งในยุโรปตะวันออก เช่นเพื่อนๆและครอบครัวที่อยู่อาศัยในประเทศเหล่านั้น พวกเขารู้สึกถึงการต่อต้านยิวอย่างรุนแรง
ปี 1934 ในกรุงวอร์ซอร์ ออสเตรีย
ขณะเดินอยู่บนท้องถนน ชากัลเห็นเพื่อนชาวยิวถูกดูหมินเหยียดหยามเพราะความเชื่อทางศาสนา
ปี 1937 ภาพวาดจำนวน 59 ภาพที่อยู่ในเยอรมันถูกนำออกแสดงในฐานะภาพแห่งความเสื่อมถอย (Degenerate Art)
ชากัลสนองตอบต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นด้วยการพยายามเชื่อมต่อความขัดแย้งระหว่างสองศาสนา คือลัทธิยูดาและคริสต์ศาสนาผ่านงานศิลป์ของเขา
ภาพวาด"เดียวดาย" (Solitude) ในปี 1933 บ่งบอกความโศกระทมและความเจ็บปวดของชาวยิวท่ามกลางพายุมืดหม่นและเทพแห่งสันติภาพกำลังบินจากไป
ภาพการปฎิวัติ (The Revolution) ในปี 1937 ประนามการปฎิวัติบอลเชวิค
ภาพของผู้คนที่มีอาวุธพร้อมมือในเสื้อผ้าหยาบกระด้างสกปรกเดินแถวผ่านแผ่นผ้าใบในขณะที่คนอีกกลุ่มผ่อนคลายอย่างเงียบสงบและเพลิดเพลินอยู่กับชีวิต
พวกปฏิวัติเหยียบย่ำลงบนคนบาดเจ็บและคนตายขณะก้าวเท้าไปข้างหน้า
ตรงกลางภาพ เขาวาดเลนินทรงตัวอยู่บนมือหนึ่งและใช้อีกมือหนึ่งบงการ
The Revolution by Chagall (1937)
ตรงกลางภาพ พระเยซูถูกตรึงอยู่บนกางเขน รอบพระองค์เป็นสัญลักษณ์ของชาวยิว เพื่อย้ำว่ารกรากของพระองค์มาจากลัทธิยูดา
มีพรรคคอมมิวนิสต์และนาซีอยู่ทางด้านซ้ายและขวาของภาพวาด ไล่ล่าชาวยิวและทำลายบ้านเรือนของพวกเขา
ที่ปลายกางเขนชาวยิวหนีตายไปทุกทิศ
White Crucifixion by Chagall (1938)
ช่วงปีระหว่างนี้ชากัลเดินทางมาก เขาไปร่วมงานเปิดพิพิธภัณฑ์ที่เทลาวีฟ ในเขตปาเลสไตน์ของอังกฤษ
เขาเดินทางไปซีเรียและอียิปต์ ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษในขณะนั้น
เขาไปฮอลแลนด์และได้ชมผลงานของเร็มแบรนด์ทเป็นครั้งแรก
และภาพวาดโดยเอล เกรโกในสเปน
งานของศิลปินทั้งสองส่งผลต่อชากัลอย่างผิวเผิน
เขาไปสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน และโปแลนด์
ทั้งยังเดินทางทั่วฝรั่งเศส
การเดินทางทั้งหมดนี้ไม่ได้สะท้อนลงในภาพวาดของชากัล
ทุกชั่วขณะบนเส้นทางศิลปะ
ภาพวาดของเขาก่อเกิดและแตกกิ่งก้านสาขามาจากความคิดและการสร้างสรรค์โดยจินตนาการ
*ติดตามตอนต่อไป
Thanks to Olga's Gallery
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น