Home Photo

Home Photo
Happy New Year 2019

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
กว่าจะมาสวัสดีได้ก็ผ่านไปถึง 15 วันแล้ว
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
แต่เราก็ยังมีอีก 11 เดือนครึ่งที่เหลืออยู่ให้ได้ทำอะไร ๆอย่างที่ใจปรารถนา
ขอส่งความรู้สึกดี ๆ ส่งแรงกายและแรงใจ และความเบิกบานเป็นสุขถึงเพื่อนอ่านทุกคนค่ะ

ลงภาพวาดหมายเลข 5 ซึ่งเป็นภาพเล็กหรือภาพลองวาดในกระทู้ "บทกวีบนแคนวาส"แล้วนะคะ

จัสมิน
15 มกราคม 2562


28.8.53

จากใต้ร่มตะเบบูญ่า Under the shade of my Pink Trumphet tree
















หลับตา


จากใต้ต้นตะเบบูญ่าที่ปกคลุมด้วยเขียวใบใหม่

ฉันหลับตาใต้ร่มไม้ เพ่งพิศพิจารณานามธรรม

ความไม่มีตัวตนหรือจักหาหน้ากากสวมใส่

ความงามแท้จริงไร้รูปเงา

จำเป็นหรือเปล่าที่เราต้องแสวงหารูปแบบหรือวิธีการรับมือ


ฟ้าแสนกว้างใหญ่ ใหญ่เกินแก้วตาเราหรือ

ท้องฟ้า... เล็กพอสำหรับดวงตาเราไหม

จันทร์ทอดเงาลงในทะเลสาบ

และแอ่งน้ำโสโครกบนถนนมืดมิด

...ไม่ผิดกัน


ความงามที่ถูกมองข้าม

ความยุติธรรมที่ถูกหลงลืม


โลกกว้างใหญ่พลุกพล่านผู้คน

ต่างตนดิ้นรนเพื่อครอบครองสิ่งเคลื่อนไหวได้ และไม่ได้

ฉันมองตะเบบูญ่าโดดเดี่ยวที่ไม่เคยร้องขอสิ่งใด

เพียงพื้นที่ยืนต้นอยู่ตรงนั้น

ให้ปรัชญาสามัญ ผ่านทุกฤดูกาล

ความงดงามเที่ยงแท้และเป็นจริง


บ่อยครั้ง ฉันอาศัยร่มเงาเธอ

หลับตาลงผ่อนพัก เพื่อชมงาม





~






เขียนกับมนุษย์แปลกหน้า "สุดท้ายแค่หยุดพัก"

6 ความคิดเห็น:

  1. เราต่างตื่นยามแสงอรุณส่องสาดกระทบ
    และดวงตาก็พร่าเลือนเกินกว่าจะมองเห็น
    เพื่อออกไปต่อสู้ดิ้นรนค้นความหมาย
    ทางรอด และการมีชีวิตอยู่
    ในยุคสมัยแห่งความแล้งไร้โรยรา
    เศษกระดาษปรายโปรยอย่างสูงค่าจากร่มไม้ตีตรา
    มนุษย์, คนแล้ว คนเล่า
    เสพติดกับความเลิศเลอของตัวตน
    จิตวิญญาณถูกละทิ้งไปตามกระแสธารประจำวัน
    เราก้าวเท้าซอยขาวิ่งอย่างไม่ลดละ
    เพื่อแซงหน้า และเอาชนะ
    เหยียดติ่งหางตาหยามหยันขอทาน ผู้เร่ร่อน
    ถากถุยถ่มทับถมทั้งทั้งที่
    แม้เพียงเศษเหรียญสีทองเล็กจิ๋วมิเคยหลุดร่วงจากกระเป๋า
    เพื่อต่อชะตาชีวิตอันแสนสั้น โศกเศร้า
    เราก่อร่างสร้างชีวิตด้วยเครื่องประดับทางฐานันดร
    แต่งแต้มใบหน้าด้วยหน้ากากพลอยเพชรแวววับ
    ฉีกยิ้มสู่ความโก้หรูของปัจเจกชนโดดเดี่ยว
    ห้วงยามนั้น
    ชีวิตอาจยังไม่ถูกค้นพบ

    หรืออย่างไรวันหนึ่ง,
    คำตอบอาจมาถึงเมื่อเราเผยอยิ้ม
    ให้กับริ้วคลื่นสะท้อนเงาจันทร์เป็นเสี้ยวแสง
    อันใดจะเพียงพบความสุขล้น
    เช่นหลับตาเพื่อพินิจความงดงาม.

    ตอบลบ
  2. ฉันลอยอยู่ท่ามเวิ้งว่างแห่งจักรวาล
    แสงยิบพราวมากมายรายรอบ
    มองเห็น หากไร้ความหมาย
    เมื่อสิ่งที่เป็นลมหายใจท่ามสุญญากาศให้
    มีเพียงดาวไม่กี่ดวง

    ฉันหันหลังให้ที่มาแห่งแสงแผดจ้านั่นเสมอ
    แสบตา
    ไม่เคยเข้าใจแท้จริงว่าที่มาแสงกล้าเป็นอย่างไร
    เพียงรู้ว่ามองทุกอย่างเห็นได้จากจากอานุภาพไร้นิยามความหมาย
    แห่งมัน

    และที่สำคัญมันทำให้ฉันเห็นดาวอีกดวง
    ดวงนั้น
    ที่ฉันหันหลังให้แสงจ้านั่น และหันมอง

    เหลืองนวลเต็มดวงในคืนมืด
    กระต่ายร่ายซ้อนรำอยู่ในนั้น
    สว่างจ้าโคมแห่งฟ้าของฉัน
    ท่ามคืนเงียบงันฉันเพ่งมอง

    หากแต่..
    ใยหนอพระจันทร์ค่อยเว้าแหว่ง
    สิ่งใดแซมแต่งพระจันทร์น้อย
    เมื่อแสงหลังยังเผาคลั่งมิหรี่ค่อย
    ในเจ้าตะเกียงน้อยค่อยม่อยลง



    ใยหนอ


    พบแล้ว
    ฉันพบมันแล้ว
    เงามืดที่ค่อยทับกินเหลืองนวลชวนฝัน
    เงาฉันเอง เงาดำ เงาฉัน
    ฉันเพียงหันหลังให้แสงแสบตานั่นและผลลัพธ์คือฉัน
    เห็นเงา

    เงาของฉันกัดกินทุกสิ่งมอด
    ใยไม่เป็นตะวันหยุดแผดเผา
    ใยพระจันทร์ลอยหนีในเวิ้งเบา
    ใยต้องเป็นข้าเล่า
    ข้าจะทำอย่างไร

    คร่ำครวญผ่านวันร้องเรียก
    ครวญคร่ำพร่ำเพรียกสิ่งไหน
    จักรวาลกระซิบผ่านสิ่งใด
    น้ำตาเอ่อไหลบดบัง

    เวลาเลยผ่านได้ประสบ
    ความจริงสมทบสบหวัง
    แท้แล้วจันทร์ยังอยู่ในมืดดำ
    เงาทาบใช่จันทร์พังดังสั่งลา

    แรงดึงใครสร้างเอาไว้
    ให้ดวงแขส่องนวลไขส่องหล้า
    หมุนรอบเวียนกลับไม่ลับลา
    อยู่คู่นภาในคืนงาม

    เงาดำของข้าแม้อัปลักษณ์
    หากมีตัวตนจึงแสดงเงาประจักษ์ว่ายังไม่สลาย
    ข้าจะจำเพียงในเงาดำมิเดียวดาย
    นวลฟ้ามิทิ้งไปให้อาดูร

    คงอีกคราข้าค่อยเห็นจันทรามอด
    สัจธรรมย้ำตลอดไม่อาจฝืน
    เมื่อมีเงาเมื่อมีข้าเมื่อมีคืน


    เว้นอาทิตย์จะยืดยื่นให้ยืนนาน
    เว้นอาทิตย์
    เบนเงาข้า ยังที่อื่น ที่ไม่ใช่พื้นจันทร์



    จันทร์ตะวัน

    ตอบลบ
  3. โอยจันทร์ตะวัน ... โอย .. เขียนดี

    วันที่ 4 กันยายน 2510 เป็นวันที่ดีมาก

    กลับบ้านดึกดื่น ได้อ่านงานชิ้นเยี่ยมถึงสองชิ้น

    บทกวีของจันทร์ และ บทกวีของติสต์


    ยกนิ้วโป้งให้ห้าอัน

    ไม่ได้โกรธ ..

    ยอดเยี่ยมค่ะจันทร์

    เธอไม่ธรรมดาเลยนะคะจันทร์ตะวัน

    อ่านงานเขียนดี ๆ มีความคิดแล้วอิ่มเอม

    อิ่มทิพย์

    อิ่มสวรรค์

    ทั้งสองคนเลย จันทร์ตะวัน และ มนุษย์แปลกหน้า

    ขอบคุณค่ะ

    ^^


    ...

    ตอบลบ
  4. ภาพสีเทียน

    ฉันยังเขียนภาพดอกไม้ระบายฝัน

    เขียนความรักด้วยแสงแห่งตะวัน

    เขียนปลอบขวัญหม่นคืนแต้มดื่นดาว


    ภาพสีเทียน

    เธอวนเวียนอยู่บนทางคนคว้างไหว

    ฉันยังเขียนสีเทียนไม่เปลี่ยนไป

    ใต้ร่มไม้ดอกชมพูยังอยู่คอย


    ภาพสีโศก

    เธอเขียนโลกโศกเศร้าที่เหงาหงอย

    คนไกลบ้าน... ลานร้างยังทิ้งรอย

    ดอกไม้น้อยชมพูจางยังพร่างพรู


    ~

    ตอบลบ
  5. เธอมองเห็น ฉันถึงมองเห็น
    ........................
    จัสเขียน

    ฟ้าแสนกว้างใหญ่ ใหญ่เกินแก้วตาเราหรือ
    ท้องฟ้า... เล็กพอสำหรับดวงตาเราไหม
    จันทร์ทอดเงาลงในทะเลสาบ
    และแอ่งน้ำโสโครกบนถนนมืดมิด
    ...ไม่ผิดกัน

    ความงามที่ถูกมองข้าม
    ความยุติธรรมที่ถูกหลงลืม


    อนึ่ง บทกวีเขียนร่วมของมนุษย์แปลกหน้า
    และ จันทร์ตะวัน
    วิเศษ

    ตบมือให้ทุกคนเลยเนอะคะ

    ตอบลบ
  6. วรรคเหล่านั้นที่ศศิชอบ สองวรรคล่างสุดก็ยังเป็นประเด็นให้แย้งได้
    เพราะเราเห็นความไม่ยุติธรรมมากมาย
    เราจึงไม่เชื่อว่าความยุติธรรมแท้จริงมีอยู่
    แต่จัสก็เชื่อว่ามีความยุติธรรมอยู่จริง
    ในธรรมชาติ
    ^^

    ตอบลบ