Home Photo

Home Photo
Happy New Year 2019

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
กว่าจะมาสวัสดีได้ก็ผ่านไปถึง 15 วันแล้ว
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
แต่เราก็ยังมีอีก 11 เดือนครึ่งที่เหลืออยู่ให้ได้ทำอะไร ๆอย่างที่ใจปรารถนา
ขอส่งความรู้สึกดี ๆ ส่งแรงกายและแรงใจ และความเบิกบานเป็นสุขถึงเพื่อนอ่านทุกคนค่ะ

ลงภาพวาดหมายเลข 5 ซึ่งเป็นภาพเล็กหรือภาพลองวาดในกระทู้ "บทกวีบนแคนวาส"แล้วนะคะ

จัสมิน
15 มกราคม 2562


31.1.56

ย่างก้าว / The Next Phase


เธอเห็นเขาหยิบภาพเก่า ๆ ขึ้นมาดู
เขาหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นรูปตัวเองในชุดที่ใส่ไปงานแฟนชี
เธอยิ้ม
"เราจะรักใครได้ก็ต่อเมื่อเรายังไม่รู้จักคน ๆ นั้นดีพอ"
เพื่อนคนหนึ่งหวังสร้างเสียงหัวเราะในงานเลี้ยง


นั่น เขามองภาพบางภาพ เขาจดจำบางสิ่ง บางสิ่งที่รบกวนเขา
เขาก้มหน้า ภาพจำต่าง ๆ ผ่านความคิดคำนึง
ใช่ เขาเดินทางมาไกล เขาผ่านอะไรมามาก
"มีใครไม่เปลี่ยนแปลงผ่านเดือนปี"

"เหมือนต้นไม้ในกระถาง คนเติบโต
กระถางมันเล็กไปซะแล้ว"

"กระถางไม่ได้เล็ก ต้นไม้โตขึ้น"

"แต่คนไม่ใช่ต้นไม้
คนพกพาบางสิ่งบางอย่างไปด้วย"


เขาฉีกรูปนั้นแล้วใส่ลงไปในถุง
เขาฉีกอีกรูป อีกรูป อีกรูป และอีกหลาย ๆ รูป
เหมือนนักบันทึกประวัติศาสตร์ที่เลือกเก็บความจริงบางประการ
ขณะเพิกเฉยความจริงอื่น ๆ
ความจริงที่ถูกละเลยจึงลบเลือน
เมื่อชุดของความจริงเดินอยู่บนเส้นเดียว
มันจึงชัดเจน ไม่ซับซ้อน ง่ายต่อการบอกกล่าวและจดจำ


เขาเดินไปที่ตู้ หยิบเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้มานานทั้งหมดใส่ลงไปในลังกระดาษใบใหญ่
พรุ่งนี้คนทำความสะอาดจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ได้เสื้อผ้าไปฝากลูก แล้วยังทำงานง่ายขึ้น


เธอนึกเห็นภาพเขาทำสิ่งเหล่านั้น

ทุกสิ่งที่เธอทำ

เธอปิดลังเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้และผูกถุงที่ใส่รูปอย่างเรียบร้อย




*


27.1.56

ในนามของกุหลาบ / In the name of rose




"กุหลาบไม่ว่าเรียกขานด้วยนามใดยังคงความหอม"
(วิลเลียม เข็คสเปียร์)

*


เปลือกตาเธอหรี่ปรือแล้วปิดลง
พาเธอไปจากโลก หรืออาจพาโลกไปจากเธอ
ผู้คนห้อมล้อม ต่อต้านการปิดสนิทของดวงตา

"ฉันกำลังจะออกเดินทาง อย่าหยุดฉันเลย"
"ไม่ ในนามของดอกกุหลาบ เราไม่ให้ไป เราอยากให้เธอลืมตา"

"ลืมตามองโลกที่เย็นชา ใช่ไหมที่พวกเธอต้องการ"
"โลกไม่ได้เย็นชา เธอต่างหาก"

"โลกที่โหดร้าย"
"ไม่ เธอต่างหาก"

"โลกที่เกลียดชัง"
"ไม่ เธอต่างหาก"

"โลกที่กล่าวโทษและหาคนผิด"
"ไม่ เธอต่างหาก"

"เมื่อเป็นเช่นนี้ มีประโยชน์อะไรที่ฉันจะลืมตา"

"เพราะเธอเป็นตัวแทนของพวกเรา เพราะเรารักเธอ"




*

"What's in a name? That which we call a rose by any other name would smell as sweet."
(William Shakespeare)


*

21.1.56

คุณจะถือร่มให้ฉันไหม 2 / Will you hold my umbrella ? 2

ตอน 2 ฉุกเฉิน / Emergency Call



ใกล้ยูเทอร์นเข้าไปทีละนิด ๆ ๆ
ฉันมองฝ่าสายฝนหนาหนักไปฝั่งตรงข้าม
ซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ใกล้แค่นี้แต่เหมือนฝันอันแสนไกล
โอ๊ะนั่น ! นายคนนั้นเพื่อนบ้านผู้แปลกแยกนี่นา
เขาเรียกน้องสาวคนเดียวว่ายัยบ๊อง
ยัยบ๊องเพื่อนฉัน หาแนวร่วมระหว่างมื้ออาหารแสนอร่อย
ที่สมควรเก็บปากเก็บคำไว้เคี้ยวอย่างเดียว
หล่อนกลับแกล้งทำคำหล่น หลุดปากเรียกฉันว่ายัยโบ๊ะ !
ฉันรู้แหล่งที่มาทันที
ยกย่องกันไม่เบา ให้ฉันได้เป็นทั้งโก๊ะและบ๊อง

อย่ารู้เลยนะว่าจากวินาทีนั้นฉันเรียกเขาว่าอะไร
เขาน่ะเหรอ ได้ยินเต็มสองหูทีเดียว
ปลายวันหยุดเดือนมกรา หมาของฉันหลุดออกไปเจอเขาจูงหมาออกมาพอดี
มันพุ่งเข้าใส่ 
ฉันร้องเรียกเขาด้วยสมญาที่ตั้งให้
หลุดปากเรียกออกไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ตัวจริง ๆ

"หลุดปาก"เป็นลักษณะกริยาหนึ่งของมนุษย์ที่ไม่อาจระบุได้ชัดเจนว่า เป็นคุณหรือเป็นโทษ

"คราวหน้าเรียกหมานะครับ" เขาบอกหลังปล่อยให้หมาเล่นสู้กันพอหอมปากหอมคอ


เขามีรถไว้จอด ถ้าใครถาม เขาคงบอกว่าลดภาวะโลกร้อน
เขา เดินไปตามถนนอย่างสบายในวันฝนตกหนัก ไม่มีร่ม ไม่มีเสื้อกันฝน
คงจะไปซื้อของเข้าบ้านเหมือนฉัน
ฉันมองรถติดเป็นแถวข้างหน้า สังเวชตัวเองที่ติดแหง่กอยู่ในรถ
จะเป็นเรื่องน่าเศร้าถ้าฉันไปถึงทีหลังคนที่เดินอยู่ฝั่งโน้น

โอ้ ฉันมาถึงก่อนเขา ก็มัวแต่ทอดน่องอยู่นี่
รถที่จอดอยู่ใกล้ตัวตึกกำลังออกพอดี ฉันรีบเข้าไปจ่อ
อย่างน้อยตัวฉันก็ยังแห้ง ส่วนเขาเปียกโชก


ที่ ๆ รถจอดห่างจากตัวตึกประมาณยี่สิบเมตร
ฉันเปิดประตูหน้าแล้วเปิดประตูหลังเพื่อหยิบร่ม
เมื่อเช้า น้อง ๆ ที่ติดรถไปโรงเรียนคงหยิบขึ้นไปวางไว้ข้างหลัง

ลมแรงกลายเป็นพายุ ฉันหลับหูหลับตาคว้าร่มแล้วล็อครถ
ลมยื้อร่มของฉันแทบหลุดมือ ฉันไม่ยอมปล่อย สู้ยิบตา
ฉันกางร่มได้ ฉันทำสำเร็จ !

แต่แล้วลมก็ทำร่มทรงดอกไม้คว่ำเป็นดอกไม้หงายบานแฉ่งลู่ลม
ฉันยังไม่ยอมแพ้ จะสู้ให้ถึงที่สุด
"ให้ผมช่วยมั้ยครับ" เสียงเขาผู้มีสมญานาม
ฉันส่ายหัว "ไม่ต้องค่ะ" ฉันเปล่งเสียงสู้เสียงลมฝน
แต่เขาก็ช่วยอยู่ดี
ร่มกลับมาอยู่ในรูปทรงปกติแล้ว
ฉันเกร็งแขนสู้ลมแรงจนเจ็บ
เขายังไม่แยกไป ฉันถามเขาว่า "คุณจะถือร่มให้ฉันไหม"
เขารับร่มไป หุบมัน แต่ยังคงถือไว้
"อย่ากางร่มในวันลมแรง"
ฉันไม่ปริปาก
"แผนดี ๆ มีไว้ให้ล้มเลิกเมื่อฟ้าฝนไม่เป็นใจ"
"อะไรนะคะ"
"เปียกแล้วจะหยิบร่มทำไม ถ้ารีบวิ่งเข้าไปจะเปียกน้อยกว่านี้มาก"
"นั่นซี" ฉันหัวเราะตัวเองอย่างกลั้นไม่อยู่ทำเขาหัวเราะไปด้วย


ระหว่างจับจ่าย "คุณมีรถไว้จอด"
"บรรเทาอาการโลกไข้ขึ้นครับ"
นั่นไงว่าแล้ว ...
"มีไว้ไม่ขับ" 
"เผื่อยายเป็นอะไรดึก ๆ"
"อ๋อ ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน"
"ครับ เผื่อฉุกเฉิน"


แล้วเรื่องฉุกเฉินก็เกิดขึ้นกลางดึกคืนนั้น
เขาไข้ขึ้นสูง หอบ หายใจไม่ออก คนที่บ้านที่มียาย แม่ และน้อง ไม่มีใครขับรถเป็นสักคน
ยัยบ๊องโทร.หาฉันให้ช่วยขับรถพาพี่ชายไปโรงพยาบาล
ฉันกระโดดแต่งตัว
.. แล้วคว้าร่ม


*

 

17.1.56

คุณจะถือร่มให้ฉันไหม 1 / Will you hold my umbrella? 1

ตอน 1

ร่ม / Umbrella




ปลายตุลา ฉันรู้สึกเหมือนกรุงเทพมีสามฤดู  คือฤดูฝน ฤดูฝนมาก และฤดูฝนมากที่สุด
ฝนตกไม่หยุดหย่อน ว่างเว้นเล็กน้อยอย่างไร้รูปแบบ
นักเตรียมการอย่างฉันจึงพกร่มติดตัว


ร่มไม่ได้ทำให้ฉันหงุดหงิด
ฉันหงุดหงิดเพราะต้องใช้ร่ม มันเป็นกระบวนการที่ยุ่งยาก
อย่างวันนี้ฝนกำลังตก รถกำลังติด และฉันคนขับได้แต่นั่งบ่นบ้าอยู่ในใจ
วันนี้เดดไลน์ต้องแวะซื้อของกลับเข้าบ้าน 
สิ่งต้องทำในอดีตที่ฝากไว้กับอนาคต
ในวันที่ฝนตกและลมแรง


เอ้ เอารายการของต้องซื้อมาด้วยรึเปล่านะ
คว้ากระเป๋ามาเปิดดู นั่นไง ทำรายการซะดิบดีและแล้วก็ทิ้งไว้ที่ออฟฟิซนั่นละ


ฉันมองไปที่ป้ายซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ฉันจับจ่ายซื้อของเป็นประจำ
มันอยู่ที่นั่นแต่ฉันไปไม่ถึง ไปไม่ถึง ไปไม่ถึง
เสียงนั้นสะท้อนก้องอยู่ในหัวของฉัน
ไม่ถึง ... ไม่ถึง ... ไม่ถึง


เอาละ รถติดเครื่องที่จอดอยู่กำลังจะได้เคลื่อนที่ ค่อยยังชั่วหน่อย
ฉันต้องขับรถผ่านจุดหมายปลายทางที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไปอีกไกลทีเดียว
โอย ยูเทอร์นนี้มันไกลมาก และฉันก็ยังไม่ได้ผ่านเป้าหมายเลย
ฝนหนาเม็ดขึ้นทุกทีและลมก็แรงขึ้น ฉันเอี้ยวตัวดูเบาะหลัง
ร่ม ! ร่มอยู่ไหน !


ที่นี้ยุ่งละ ฉันขลุกขลักอยู่ในรถ กวาดตามองไปทั่ว
ไม่มี !

แทบจะโขกหัวกับพวงมาลัย แค่แทบเท่านั้นนะ
ช่างมัน ! วันนี้จะยอมเปียก !
ก็มันจำเป็นนี่นา
ดีละ ไม่ต้องกางร่มสู้ลมแรง


รถข้างหน้าโน้นเริ่มเคลื่อน
รถคันหน้าออกตัวแล้วหยุดกึก ฉันเบรค เกือบไป
เสียงบางอย่างกระทบขอบกระจกหลังแล้วกลิ้งมากระทบขอบเบาะ
ฉันหันไปยืดตัวชะเง้อมอง
ร่มอยู่นั่นเอง
ต้องให้ปลงซะก่อนถึงปรากฏ 
ร่มนะร่ม


*
จบตอนหนึ่ง
                  




12.1.56

เย็นแสงรอน / In the midst of an evening




เย็นแสงรอนอ่อนแสงเย็นเห็นแสงงาม

ณ โมงยามสงบงันอันอ่อนไหว

ระลอกริ้วพริ้วน้ำตามกันไป

จับรังสีอุทัยไปด้วยกัน


ผืนผ้าใบทิวาฟ้าสีคราม

คล้ายไหวหวามยามรพีระบายฝัน

คล้ายทิ้งท้ายหมายหมุดสิ้นสุดวัน

คล้ายเบิกทางรับขวัญจันทกานต์


ช่างอ่อนโยนเหลือล้ำคำอำลา

ที่วาดไว้บนฟ้าว่าแสนหวาน

คล้ายย้อนย้ำสัญญามีมานาน

เราจักได้พบพานกันเรื่อยไป


*