Home Photo

Home Photo
Happy New Year 2019

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
กว่าจะมาสวัสดีได้ก็ผ่านไปถึง 15 วันแล้ว
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
แต่เราก็ยังมีอีก 11 เดือนครึ่งที่เหลืออยู่ให้ได้ทำอะไร ๆอย่างที่ใจปรารถนา
ขอส่งความรู้สึกดี ๆ ส่งแรงกายและแรงใจ และความเบิกบานเป็นสุขถึงเพื่อนอ่านทุกคนค่ะ

ลงภาพวาดหมายเลข 5 ซึ่งเป็นภาพเล็กหรือภาพลองวาดในกระทู้ "บทกวีบนแคนวาส"แล้วนะคะ

จัสมิน
15 มกราคม 2562


31.10.55

อาหารเช้า / Breakfast .. Break Fast


 Break Fast หยุดการอด



สิ่งที่นึกถึงเป็นสิ่งแรกเมื่อลืมตาตื่น ไม่ได้วางแผน ควบคุมไม่ได้
เป็นเรื่องของความรู้สึก
 บ่งบอกความสำคัญ และ/หรือนัยยะที่สำคัญ


เราอาจนึกถึงเรื่องที่เราฝัน อาจนึกถึงบางคน หรือบางสิ่ง
เรากระวีกระวาดลุกขึ้น สู่การมีสติสัมปชัญญะเต็มรูปแบบ

นอกจากคนทำอาหาร จะมีใครสักกี่คนที่ตื่นมาถามว่า
เช้านี้จะกินอะไร



พ่อแม่บอกลูก ๆ ว่า มื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญที่สุดของวัน
เราต้องใช้พลังงาน เราต้องให้อาหารสมองและร่างกาย

หลังมื้อเช้า ครอบครัวแตกสานซ่านเซ็น แยกย้ายกันตามภาระหน้าที่ ไปเรียน ไปทำงาน
มือเย็น เราไม่รีบร้อน หลังอาหารเย็น เราพักผ่อนแล้วเรานอน

อาหารมื้อเย็นพร้อมหน้าพร้อมตาคนในครอบครัว คนสำคัญของชีวิต
มื้อกลางวันกับเพื่อนเรียนและเพื่อนร่วมงาน
แต่มื้อเช้ามักเป็นของเราคนเดียว




เคยเห็นป้ายเล็ก ๆ ห้อยไว้ที่ประตูกระจกร้านกาแฟเขียนไว้ว่า
มีอาหารเช้าตลอดวัน
ฉันยิ้มให้กับป้ายนี้
ป้ายที่ทำขึ้นสำหรับลูกค้านักท่องเที่ยวที่นอนกลางวัน
แต่ฉันกลับเห็นเป็นปรัชญา




เมื่อมีวันแย่ ๆ ไม่เคลื่อนไหว
ลองสั่งอาหารเช้า เพลิดเพลินไปกับมัน
แล้วเริ่มใหม่


 

เหตุผลที่หลายคนดื่มกาแฟในที่ทำงานบ่อย ๆ อาจไม่ใช่เพราะแก้ง่วง
แต่เพื่อสนองตอบความต้องการเริ่มใหม่ระหว่างวันที่เหนื่อยหน่าย
ก็เป็นได้



ช่วงเวลาอาหารเช้า อาจเป็นของเราคนเดียว



เช่นเช้านี้

ที่โต๊ะไม้ใกล้หน้าต่างข้างต้นไผ่








*

ฟังเพลง"ลม"ของบาคไปด้วย
http://www.youtube.com/watch?v=E2j-frfK-yg




29.10.55

ของฝากจากสายลม / A souvenir from the wind


ยามเช้าวันนั้น แสงและเงากำลังพูดคุยผ่านใบไผ่
แดดฉายลายลูกไม้ไหวโอนบนกำแพงขาว
ราวแสงเงาร้องเพลงผ่านบทสนทนาที่รื่นรมย์




ดอกไม้น้อยบอบบาง ม่วงอมฟ้าเจือจาง
อาจรุ่งสางจุ่มพู่กันในสีน้ำแตะแต้มแต่เพียงแผ่วเบา
ก่อนสายลมเอามาวางไว้กลางผืนหญ้า





"เราเรียกของฝากจากสายลมว่าม่วงเช้า มอร์นิ่งไวโอเล็ตจะดีไหม"
แสงพูดกับเงา
ชื่อที่ได้มาคงเปรียบเสมือนคำเชื้อเชิญ
ดอกไม้แปลกหน้าเบ่งบานแพร่ขยาย
ระบายสีม่วงเช้าทั้งในสวนและบทกวี





เวลาคลี่บานนั้นแสนสั้น
แดดสายของวันมันแรงร้อน
ม่วงเช้าหุบกลีบรีบเข้านอน
แดดเช้าอ่อนอ่อนค่อยย้อนคืน

คล้ายรักทักทายทุกยามเช้า
ไม่ว่าฟ้าเหงาหรือสดชื่น
ฤดูกาลผ่านผันยังหยัดยืน
พันหมื่นม่วงเช้าเจ้าคลี่บาน




ความแน่นอนของยามเช้า
แน่นอนเช่นการปรากฎของดวงตะวัน
เธอคือความแน่นอนของทุกยาม
ทั้งยามมีและไม่มี



ดอกไม้ขนาดเท่าปลายก้อย
ม่วงดอกจ้อยที่ลอยมากับลม
กลายเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่ง
และอีกหลายอย่าง
ม่วงเช้า
มอร์นิ่งไวโอเล็ตของเราผู้พบเจอ


ม่วงเช้า / Our Morning Violet


*




Love The Earth, Cherish The Earth, Save The Earth


28.10.55

ปาฏิหารย์ บทเกริ่น / Miracle; Preface


พุดซ้อนหลังฝน Gardenia Jasmine after the rain by Jasmine


เวลา ไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง
เวลา เป็นของเราทุกคน
เช่นเดียวกับปาฏิหารย์

*


ช่วงเวลาของคนสองคน เป็นของคนสองคน
ไม่มากไปกว่านั้น
และไม่เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง

จังหวะเวลาที่พอดีของการพบเจอ ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายดาย
ไม่เกิดขึ้นมากมาย
รายรอบบนเส้นทางของบางคน บางครั้งเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย
ช่วงจังหวะที่พอดีนี้ คือช่วงเวลาที่ฉันเรียกว่า ปาฏิหารย์


ปาฏิหารย์ไม่เกิดขึ้นซ้ำซาก
เกิดขึ้นในพริบตา
และสิ้นสุดลงในพริบตาเช่นกัน
กระนั้นอาจส่งผลให้เกิดปาฎิหารย์ใหญ่น้อยครั้งแล้วครั้งเล่า

เมื่อเกิดปาฏิหารย์ จันทร์ดาวไม่ได้ร่วงหล่นจากฟากฟ้า
กลับรู้สึกว่ามันเข้ามาอยู่ข้างใน
จันทร์เปล่งประกาย ดาวฉายแสงกระพริบ
ระยิบระยับ งามจับใจ
เราเขียนบทกวี
ชีวิต เฉกเช่นดอกไม้คลี่กลีบแย้มบาน
ได้หอมหวานผ่านลมหายใจ มีพลังแม้ยามเมฆฝนหน่วงหนัก


วินาทีที่พบเจอ
อาจจุดกำเนิดสัมพันธภาพ นามธรรมที่เรียกว่าความรัก
ผู้ทำความรู้จัก ตระหนักรู้ว่าปาฏิหารย์ได้บังเกิดขึ้นแล้ว
แม้เล็กน้อยเพียงใด
ย่อมให้คุณค่า
และรักษาไว้

 ..

ผู้ไม่รู้จักเรียกว่าความบังเอิญ ปล่อยให้เลยผ่าน
ไม่มีหรอกจิตวิญญาณ จึงเหมือนไม่ได้พบพาน
ปาฏิหารย์ไม่ปรากฏในพจนานุกรมชีวิต



*


เรา ยังคงเฝ้ามองฟากฟ้าตะวันออกในยามเช้า
เรา ยังหันหน้าสู่ฟากฟ้าตะวันตก ดื่มด่ำแสงสุดท้ายของวัน
สดับฟังความเงียบ
ตอบรับการทักทายและอำลาจากดวงตะวัน

เรายังเห็น
และได้ยิน
ปาฏิหารย์ที่เกิดขึ้นต่อหน้า
อยู่ไหม



 

พุดซ้อน / Gardenia Jasmine by Jasmine




*


หนึ่งเปลือกหอยบนหาดทรายท่ามอนันตเม็ดทรายแห่งความจริง

20.10.55

ลูกหมาสีน้ำตาลหน้าร้านหนังสือ / Never say goodbye

อลิซ ถ่ายรูปไว้หลายปีก่อน

งันเงียบเฉียบชา เงี่ยฟังเสียงวงล้อรัตติกาลเคลื่อนผ่าน เนิบช้า
หมาป่วยตื่นมามองหาเจ้าของ
สายตาพบกัน พลันยินเสียงเรียกผ่านแววตา
โหยหารสสัมผัสและน้ำเสียงปลอบโยนที่คุ้นชิน
สองสามนาทีระหว่างสนองตอบ
อาการเหนื่อยหอบค่อยทุเลา
หมาแก่สีน้ำตาลก็หลับลงอีกครั้ง


ลูกหมาสีน้ำตาลหน้าร้านหนังสือ
ตัวเล็กที่สุดในจำนวนลูกหมาแปดตัว
บอบบางปวกเปียก
ตะเกียกตะกายไม่ถึงนมแม่
หมาข้างถนนที่อ่อนแอ ยากที่จะเอาตัวรอด
มันอาจตายในไม่ช้า มันอาจตายพรุ่งนี้
ชี้ชัดอัดแน่นลงในความรู้สึกของฉัน
เมื่อหัวใจนำทาง เหตุผลก็เป็นอันตกไป
ฉันอุ้มมันขึ้นรถให้มันนอนอยู่ในอุ้งมือ
ถึงบ้านแล้ว ฉันใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดตัว ชงนมให้มันกินจากขวดที่ซื้อมาจากคลีนิคของสัตวแพทย์
ดูแลมันอย่างดี
ตั้งชื่อมันว่าอลิซ
โยนความรับผิดชอบให้คนอื่น ๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และเมื่อไกลห่าง


ฉันคงไม่ได้พบเจอความตายเร็วกว่าใคร ๆ 
แม้ฉันมักพูดเช่นนั้น
ฉันคงไม่ได้พบเจอความตายก่อนวัยวันเพียงคนเดียว
 ฉันคงไม่ได้พบเจอความตายบ่อยกว่าใคร ๆ 
แม้ฉันคิดเช่นนั้น
ความตายทำให้รู้สึกเหมือนตัวเล็กนิดเดียว
ทั้งที่อยากรู้สึกว่าตัวใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งขึ้น
ขณะรบรับขับเคี่ยวกับความเจ็บป่วยและความตาย
กระนั้น
ไม่มีทางวางมือ 
ทำสิ่งที่ต้องทำให้ดีที่สุดแม้หดหู่
เพื่อชีวิตหนึ่งในโลกใบเล็กของฉัน
ไม่อาจลืมรสชาติขื่นขมคราวเสียใจ
เมื่อชีวิตหนึ่งจากไป
อย่างเดียวดาย


ทุกครั้งที่กล่าวลา ฉันตายไปทีละน้อย
ฉันจึงไม่กล่าวคำลา
อย่าต่อว่ากันเลย
บางที ฉันอาจบอกว่า
จนกว่าเราจะพบกัน
ฉันคงพูดได้เพียงเท่านั้น


*

Every time we say goodbye, I die a little.


*

ภาพล่าสุดตอนไม่สบาย


Never say goodbye.

อลิซ หมาแก่ที่เคยเป็นลูกหมาสีน้ำตาลหน้าร้านหนังสือ จากไปแล้ว
1/11/2012
เที่ยงคืนเมื่อวานหอบหนัก ๆ หยุดสักพักก็หอบอีก
มองหน้าจัสกับประตูตลอด เสียงรถผ่านก็ชะเง้อคอคอยเจดี
เจดีกลับมา เรานั่งอยู่ด้วยกันกับอลิซ เธอหลับแล้วเจดีก็ไปห้อง
ตื่นมาตอนเช้า มองตัวเธอก่อนเลย แต่เธอนอนนิ่ง อลิซไม่หายใจแล้ว
จัสไม่บอกลา
บอกว่าแล้วเจอกันนะอลิซ

http://www.youtube.com/watch?v=E2j-frfK-yg

แล้วเจอกัน


*


18.10.55

เม่นก้อนแก้ว / Fragile, handle with care



หยิบคริสตัลตัวเม่นจากชั้นในตู้กระจก

ก้อนแก้วเปล่งประกายเหมือนวันที่ได้มันมาหลายปีก่อน

ของฝากจากเพื่อนที่ต่อมาเป็นญาติด้วยการเกี่ยวดอง

คนชอบสิ่งใด มักให้สิ่งนั้น

และได้มันมา






"เจ้าเม่น" เขาเรียกเธอ

"อะไรนะ เม่น ? เหตุผล ? "

"ไม่มี อยากเรียกก็เรียก"

"เม่นเป็นสัตว์ยุทธจักร มีอาวุธประจำตัว เม่นใช้กำลังภายในปุ๊บ เธอจะเป็นทุเรียนปั๊บ"

"อยากเป็นทุเรียน"

แปลว่า

ไม่มีปัญญาร็อก




มองเม่น

เม่นมอง

เม่นก้อนแก้ว

ทำอะไรใครไม่ได้


เม่นก้อนแก้ว

หยิบจับต้องระวัง

เดี๋ยวมันจะตกแตก


อย่างระมัดระวัง

เธอวางมันลงบนชั้น

แล้วปิดตู้


crystal porcupine


*

เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ของ "ระวังแตก"
Sign for 'handle it with care'







*







10.10.55

เธอชื่อ อนัตตา / Her name is Anatta



 
ฉันกำลังฟัง .....

.......

..... 

...

ความเงียบ


*


"คนเราไม่มีทุกอย่าง

แต่เรามีบางอย่าง

บางอย่างที่จะพาเราไปตลอดรอดฝั่ง

ใช้สิ่งที่เราได้มา

เพื่อจะได้มา

ด้วยสิ่งที่เราใช้ไป

แม้สิ่งที่ได้มานั้น

คือความไม่มีอะไรเลย"


*


เธอชื่อ "อนัตตา"

เธอบอกฉัน

"เพราะฉันไม่มีตัวตน

ไม่มีแผ่นดิน

ไม่มีสัญชาติ

แม่จึงตั้งชื่อฉันว่า "อนัตตา"

นั่นล่ะรากที่แม่ทิ้งไว้ให้


เรือของฉันวนเวียนอยู่ในน่านน้ำ

ไม่มีสิทธิ์เทียบท่าดินแดนใด

เท้าของฉัน ไม่มีสิทธิ์เหยียบแผ่นดินไหน

ความเวิ้งว้างนั่นไงคือจุดหมายปลายทาง

ฉันจะขาดน้ำ ขาดอาหาร ฉันจะเผชิญทะเลคลั่ง พายุบ้า

เรือจะคว่ำ ฉันจะร่วงดิ่งลงมหาสมุทร

เป็นอาหารปูปลาไปในที่สุด

จากนั้นฉันจะเชื่อมโยงกับทุกสิ่ง

นิรันดร์


เห็นไหม

ความไม่มีตัวตนของฉัน

สร้างฉันขึ้นมา"




*