Home Photo

Home Photo
Happy New Year 2019

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
กว่าจะมาสวัสดีได้ก็ผ่านไปถึง 15 วันแล้ว
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
แต่เราก็ยังมีอีก 11 เดือนครึ่งที่เหลืออยู่ให้ได้ทำอะไร ๆอย่างที่ใจปรารถนา
ขอส่งความรู้สึกดี ๆ ส่งแรงกายและแรงใจ และความเบิกบานเป็นสุขถึงเพื่อนอ่านทุกคนค่ะ

ลงภาพวาดหมายเลข 5 ซึ่งเป็นภาพเล็กหรือภาพลองวาดในกระทู้ "บทกวีบนแคนวาส"แล้วนะคะ

จัสมิน
15 มกราคม 2562


26.9.55

คำท่าน อังคาร กัลยา ณพงศ์




"กวีเป็นเส้นประสาทของจักรวาล"


"พลังของบทกวีก็เหมือนแสงอาทิตย์ หรือถ้าเปรียบเป็นเมฆ มนุษย์ก็ต้องได้รับฝน
ถ้าเป็นดอกไม้ก็ต้องหอมอบอวล
ถ้าเป็นน้ำหวานก็ต้องเป็นน้ำหวานจากผึ้งที่มอบความหวานหอมให้กับชีวิต"


"ผมเขียนบทกวี จะไม่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ได้อย่างไร
อย่างน้อยมันก็ยกระดับหัวใจมนุษย์ให้ดีขึ้น"


"การวาดรูปกับการแต่งบทกวี ต้องใช้ความคิดกับจินตนาการ
อาจแตกต่างกันทางเทคโนโลยี่กับเทคนิค
แต่ใช้จิตใจดวงเดียวกัน
ทั้งงานเขียนรูปและเขียนหนังสือ ก็ต้องอาศัยมโนคติ
บางคนเขาเรียกอิมเมจิเนชั่น ต้องมีจินตนาการความคิด
เหมือนคนที่สร้างนครวัต เขาต้องมีภาพมาก่อนว่าทำอย่างไรถึงจะมีปราสาทขึ้นมา
ถ้าเรามีนโนภาพกว้างใหญ่ไพศาล เราก็สามารถที่จะสร้างอะไรใหญ่โตขึ้นมา
ถ้ามีมโนภาพคับแคบก็สร้างสรรค์อะไรอยู่ในกะลาเท่านั้น"


"กวีต้องเป็นกวีอยู่ทุกลมหายใจ
คือโดยหลักจริง ๆ แล้วผมยังเขียนบทกวีอยู่เรื่อย ๆ
จะชำระของที่ดูไม่เรียบร้อยให้เรียบร้อย ให้หมดจดขึ้น มีถ้อยคำที่ลงตัว
คือพูดง่าย ๆ ว่า ถ้าเราตายไปแล้ว เราก็หมดโอกาสที่จะเปิดฝาโลงขึ้นมาชำระโคลงของเราให้เรียบร้อย
คนที่เขียนกวี ถ้าบทกวีชิ้นใดไม่สมบูรณ์ ก็เหมือนเราไปปรโลกแล้วยังมีห่วงอยู่"


"โดยหลักการ การเขียนกาพย์กลอนต้องโปร่งใส
ต้องใช้อิสระเสรี ถึงจะทำได้ดี
ก็เหมือนทะเล เวลามีคลื่นลมมาก เรือที่ลอยอยู่ก็จมได้
บางครั้งอารมณ์ไม่ดีก็ทำไม่ได้"


"ศิลปินหรือกวีต้องมีอหังการ
ส่วนหนึ่งก็คงจะมิใช่ความคิดเชิงสุนทรีศาสตร์เพียงอย่างเดียว
หากสิ่งแวดล้อมกำหนดให้ศิลปินต้องสื่อความที่หนักแน่น
พูดภาษาชาวบ้านก็คงจะเป็นว่า ถ้าสังคมหลับใหลในเรื่องของสุนทรียภาพ
และในเรื่องของปัญญาความคิด
ศิลปินก็ต้องออกแรงเป็นพิเศษในการที่จะปลุกให้สังคมนี้ตื่นจากภวังค์"



"ชีวิตผมไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ผมเป็นเอกราช
คนส่วนมากในโลกเป็นเมืองขึ้นของเวลา
เจ้านายอยู่ที่ข้อมือ"



"จักรวาลเหมือนคนใบ้
แต่มนุษย์เกิดมา มนุษย์สามารถเป็นภาษาของจักรวาลได้
มนุษย์สามารถเป็นปิยะวาจาที่พูดแทนจักรวาล"




*





17.9.55

เพียงเราเท่านั้นรู้ Only We Know



อะไรเธออยากดูเมื่อรู้โลก
อะไรยามสุขโศกเธอโหยหา
เธอมองเห็นอะไรในสายตา
เห็นขอบฟ้าขลิบทองเป็นของใคร


หยุดอะไรเพื่ออะไรโลกใบเล็ก
เสียงหัวเราะอย่างเด็กเด็กนั้นใช่ไหม
แววในตาดาวผกายหยุดหายใจ
เธอดับเพื่ออะไรหรือไฟฟืน


ถอยออกมามองเข้าไปโลกในมือ
เธอยึดถือสิ่งใดไม่ต้องฝืน
ไร้อื่นใดผูกมัดยังหยัดยืน
เฝ้าเขียนวันเก็บคืนไว้ชื่นชม


เพียงแต่เรา ... แค่เราเท่านั้นรู้
บ้างมองดูเขาเยาะว่าเหมาะสม
บ้างเข้าขวางกรอบล้อมว่าจ่อมจม
บ้างว่าลมบ้างว่าจริงสิ่งท้าทาย


มีแต่เรา แค่เราเพียงเท่านั้น
คือจริงฝันไม่อาจซื้อ คือไม่ขาย
คือมีบ้างเกิดดับแต่ไม่ตาย
คือความหมายชีวิตจิตวิญญาณ


ทุกอย่างที่เราทำบางจำใจ
ยังอยู่ได้เพราะสิ่งรักอย่าหักหาญ
บางตรอมตรมท้อแท้บางร้าวราน
ยังได้หว่านเมล็ดวิญญาณบนแผ่นดิน

ยังเพาะหว่าน
เมล็ดวิญญาณ
บนผืนดิน




 *


7.9.55

ใจ



หัวใจคน บรรจุความรักได้มากน้อยสักเพียงใด

ใครเล่าจักตั้งคำถาม มีน้ำมากน้อยเท่าไรในทะเล

เมื่อเรือออกจากท่าล่องไป


ใต้ผืนฟ้า เหนือผืนน้ำเวิ้งว้างกว้างใหญ่

สายตาใครหรือจักมองเห็นขอบเขต

แม้แผ่นดินปลายทาง

จากกลางมหาสมุทร


มองไป ไกลเท่าที่สายตาสามารถมองถึง

ณ ที่ซึ่ง ...

ขอบฟ้า สัมผัส ขอบน้ำ

สิ่งที่ตาเห็น กลับเป็นเพียงมายาภาพ

ขณะสิ่งที่มองไม่เห็นยืนยัน 

ขอบฟ้าและขอบน้ำ ไม่เคยสัมผัส


หัวใจคนบรรจุความชังได้สักเท่าไร

ใจที่รู้จักรัก ไฉนสามารถทำความรู้จักกับความชัง

ความรักกับความชัง มีกำลังเท่ากันไหม

สองสิ่งหมุนโลกไปในทิศทางใด

หรือมันไม่สำคัญ




 2.


โลก

ไม่ได้ชื่นชอบใครเป็นพิเศษ

เฉพาะคนชื่นชอบโลกเป็นพิเศษเท่านั้น ที่รู้สึกว่าตนเป็นที่ชื่นชอบของโลก

เช่นเดียวกับความรัก


โลก ไม่ได้เป็นของเรา

เราต่างหากที่เป็นของโลก

เช่นเดียวกับความรัก

เช่นเดียวกับความฝัน

เช่นเดียวกับความหวัง


เช่นเดียวกับชีวิต

ที่วันหนึ่ง

ความตายจะเรียกคืน




*