Home Photo

Home Photo
Happy New Year 2019

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
กว่าจะมาสวัสดีได้ก็ผ่านไปถึง 15 วันแล้ว
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
แต่เราก็ยังมีอีก 11 เดือนครึ่งที่เหลืออยู่ให้ได้ทำอะไร ๆอย่างที่ใจปรารถนา
ขอส่งความรู้สึกดี ๆ ส่งแรงกายและแรงใจ และความเบิกบานเป็นสุขถึงเพื่อนอ่านทุกคนค่ะ

ลงภาพวาดหมายเลข 5 ซึ่งเป็นภาพเล็กหรือภาพลองวาดในกระทู้ "บทกวีบนแคนวาส"แล้วนะคะ

จัสมิน
15 มกราคม 2562


30.7.53

ชั่วขณะแห่งนิรันดร


.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
1. บ้านสีขาว
.
.
ฉันเนรเทศตัวเองจากบ้านสีขาว
ขณะต้นคูณสิ้นดอกเหลืองพรูพราว
ฝักยาวน้ำตาลดำกระทบกันกุกกุกกราวกราว
บ้างร่วงลงดินดังปึ๊กปั๊ก
ฝักคูณเกลื่อนกล่น ...
.
.
ฉันเนรเทศตัวเองจากบ้านสีขาว
ขณะตะแบกสาวผลิดอกออกช่อบานเต็มต้น
ก้อนเมฆฟ้าคราม ระบายเถาพวงคราม ก่อนหน้าเคยเขียวหม่น
ดอกหล่นวนพริ้วริ้วสาย คล้ายการเคลื่อนไหวของเครื่องบินแมงปอ
ปลิดปลิวตามกันมาร่อนจอดบนลานหญ้า
.
.
ฉันเนรเทศตัวเองจากบ้านสีขาว
ขณะปีบโทนยังให้ดอกแม้ยืนต้นเดียวดาย
คล้ายเธอเล่าบอกตอกย้ำถึงบางคุณค่า
สายลมเสน่หาพาดอกน้อยแสนหอม
วางลงใต้ต้นอย่างอ่อนโยน
.
.
ถึงวันนี้... ตะเบบูญ่ายืนต้นโกร๋นด้วยยังไม่ผลิใบอ่อน
ดอกชมพูจรหายไปกับสายลม
เหมือนไม่เคยมีมาก่อนดอกใบ...
ทิ้งต้นใว้อ้างอิง ย้ำย้อน...
.
.
หางนกยูงเริ่มผลัดใบ
ไม่นานจะเห็นดอกสีแดงเป็นกลุ่มก้อน
แสงร้อนจะลุกโชน ไม่ไว้หน้าพฤกษาใด
.
.
ฉันเนรเทศตัวเองจากบ้านสีขาว
ไปยังสถานที่ที่ไม่มีอะไรเป็นของฉันเลย
.
.
~
.
.2. เมื่อดาวหมดฟ้า
.
กลับมาที่เดิม... มองเส้นขอบฟ้า
ที่พระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว เรือหาปลา...
จมหายไปในทะเล
ดีที่ไม่ใช่ฉันที่จมหาย
ดีที่ว่ายน้ำไม่แข็งพอ
.
.
คืนแรม
ทะเลยามดึก สีดำล้ำลึก หนาแน่นขุ่นข้นจริงหนอ
ฉันยื่นเท้าจ่อรีรอ
ไม่เอา ไม่ลอยคอ ไม่ยอมให้คลื่นกลืนกิน
.
.
เงยหน้ามองฟ้า...
ดาวสูง อย่าเพิ่งลงต่ำ ทะเลสีโคลนรอดูดลงไป
.
นั่นไง ! ดวงนั้นจมหายไปแล้ว
อีกหลายดวงกำลังตามไป
อีกดวง...
อีกหลายดวง
ฉันนั่งมองจนดาวหมดฟ้า
.
แล้ว พระอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นมา
.
.
ฉันนั่งรอวันใหม่ ไม่ใช่เฝ้ามองวันเก่า
.
ในที่สุด วันใหม่ก็มาถึง
.
.
~
.
3. เพียงแค่คิด
.
คืนเพ็ญ
ใต้ร่มพิกุลบนเขาสูง ณ ห้อมห้วงทะเลตะวันออก
หว่างช่องโหว่ยอดไม้ จันทร์เต็มดวงส่องสว่าง
เหนือเส้นหนาแนวนอนคลับคล้ายผิวห้วงน้ำสวรรค์
ขีดเส้นใต้คืนสำคัญ คืนจันทร์เพ็ญ
.
.
เดือนงามกระจ่าง
ไม่มีหญิงงามหรือกระต่าย
ไม่มีอะไรอื่น...
นอกจากเดือนกับรัศมีเรืองรอง
.
.
รัศมีจันทร์มาจากข้างนอก หากฉันเลือกเชื่อว่ามาจากข้างใน
คืนสันโดษนี้เป็นคืนจันทร์เต็มดวงของฉัน ชีวิตของฉัน
ชีวิตที่ครองความคิด จิตวิญญาณ ความรู้สึก...
ทั้งหมดเป็นของฉัน
.
.
ใครหรือจะปล้นตัวตนของใครได้
ฉันจักอยู่และตายไปกับมัน
เช่นเดียวกับคนอื่นอื่น
.
.
ในช่วงเวลา ”เพียงแค่คิด”
คำตอบที่รู้อยู่แล้ว ได้รับการยืนยัน
.
.
~
.
4. ชั่วขณะแห่งนิรันดร
.
ขณะคนอื่นพากันเดินขึ้นสู่วัดมาบจันทร์บนเขาสูง
ฉันเดินทอดน่องอย่างสำรวมอยู่บนเนินลาดชันเพียงลำพัง
ใต้แสงสีเหลืองของโคมไฟถนน
ฉันเห็นดอกปีบบอบบางสีขาว นอนนิ่งอยู่ริมถนนคอนกรีตสะอาดสะอ้าน
ฉันเก็บเพียงดอกเดียว ยกขึ้นดอมดมอย่างทนุถนอม
ดอกไม้จากต้นสูงสล้าง หมดแรงทิ้งตัวลงสู่พื้น
เช่นเดียวกับสรรพสิ่งบนผืนโลก
.
.
ฉันนำดอกไม้ที่เก็บมา วางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง
มองดอกน้อยอ่อนระทวยบนแผ่นไม้
กลิ่นหอมกรุ่นกระจายทั่วบริเวณเล็กเล็ก ในโลกใบเล็กของฉัน
หอมนาน...หอมทนแม้ยามกรอบแห้งเป็นสีน้ำตาล
.
.
เมื่อพูดถึงดอกไม้ดอกนี้
ย่อมนึกถึงกลิ่นหอมที่บ่งบอกคำจำกัดความของเธอ
ดอกปีบ กาสะลอง ทรีจัสมิน
.
.
ในค่ำคืนนั้น ฉันหลับตาก่อนยื่นมือออกไป...
จมูกรับรู้กลิ่นหอมเคยคุ้น
บางอย่างเล็กเล็กนุ่มนุ่มถูกโปรยลงสู่อุ้งมือว่างเปล่า
กลิ่นหอมกำจาย
.
.
ฉันยิ้ม...ก่อนลืมตาขึ้นมอง
ดอกขาวใต้ต้นที่ฉันไม่ได้เก็บ
.
ในชั่วขณะแสนสั้น
พลันระลึกรู้... ว่ากำลังสัมผัสเสี้ยวหนึ่งแห่งนิรันดร
ผ่านกอบดอกไม้ไร้น้ำหนัก
ฉันก้มลงจุมพิตดอกไม้ในอุ้งมือ
.... อย่างรู้คุณ .....
.
.
.
.
.
.
.

21.7.53

รวงรัง The Nest




















ในความหม่นมัวของแสงวัน ท่ามความสว่างของแสงคืน ใครหรืออยู่เคียงข้าง ?
ใครคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม ย่อมมิใช่เพียงคนพเนจรเซซังพลัดมา
หากเป็นผู้เลือกและถูกเลือก

ภาพอดีตแจ่มชัด หายลับไปในความฝันเก่า ๆ
อนาคตเล่า ... ลางเลือน

“จับวันนี้ไว้ให้มั่น และใช้มันให้คุ้มค่า” ถ้อยคำในหนังสือเล่มหนึ่งกระซิบบอก
เขาจะสร้างรวงรังและสวนฝันขึ้นมาใหม่ด้วยแรงพลังที่เหลืออยู่
เขาเชื่อเช่นนั้น


1. ตริตรอง

บางครา ฝนไม่โปรยสาย แต่เทลงมาเหมือนฟ้ารั่ว
บ่อยครั้งเกินไปในหนึ่งชีวิต
แสงแดดไม่ลูบไล้ หากแผดเผาจนแสบร้อน
จากความอัศจรรย์ใจเหลือเชื่อ แปรเปลี่ยน สู่ความไม่อยากเชื่อ !
สิ่งที่ผ่านเข้ามา เหวี่ยงเราจากสุดขอบหนึ่งไปยังอีกสุดขอบหนึ่ง
ดุจนั่งอยู่บนชิงช้าสูงลิ่วของนักกายกรรม ณ โรงละครสัตว์แห่งการดำรงอยู่
เบื้องล่างปราศจากสิ่งรองรับ
เตรียมพร้อมหรือยังความกล้า ?
พร้อมกระโดดข้ามหุบเหวแห่งความสับสนแห่งยุคสมัยของเราแล้วหรือยัง ?

เราจะกระโดดถึงฝั่งนั่นไหม ?
หรือจะร่วงลงสู่ห้วงลึกของความพลาดหวัง

ศรัทธาของเราอยู่ที่ไหน ?


2. มองยุคสมัย


การต่อสู้ไม่เคยสิ้นสุด
การต่อสู่ในสมรภูมิ เปลี่ยนเป็นการรบแบบกองโจร
กระทั่งการฆ่าหมู่โดยใช้คนติดอาวุธ สังเวยชีพเพื่อแลกเนื้อที่ในสวรรค์
ท่วงท่าของเหล่าอัศวินแปรเปลี่ยนไปสิ้นเชิง
ชายคนหนึ่งเดินก้มหน้างุดเข้าสู่ห้างสรรพสินค้าโลก
ตูม ! ผู้คนล้มฟุบบาดเจ็บ ล้มตาย
ลีลาผงาดบนหลังม้าของผองอัศวิน จารึกอยู่ในประวัติศาตร์ ... เนิ่นนาน
กลายเป็นเทพนิยายคลาสสิคบนแผ่นฟีล์ม
ความจริงในศตวรรษก่อนเก่า ... ก็แค่ฝันไป
ลีลาอัศวินแห่งยุคสมัย บัดนี้คือท่าทีโจรซ่อนเร้น
สงครามอันเป็นที่จดจำ
สมรภูมิโชกเลือดบนแผ่นดิน
กลายเป็นโต๊ะประชุมเปื้อนน้ำลาย
การต่อสู้เพื่อมาตุภูมิ กลายเป็นการต่อสู้ทำสงครามเศรษฐกิจ
ชายหนุ่มและหญิงสาวแห่งยุคสมัย ว่ายเวียนอยู่ในมหรรณพแห่งความสับสน
ใครเล่าจักกอบกู้ ?
.

3. เส้นทางที่ทอดยาว

เส้นทางทอดยาวไกล
ถนนเลี้ยวลดคดเคี้ยว ดิ่งชันแล้วลาดลง จนไม่เห็นทางข้างหน้า
กระนั้นเรา หนุ่มสาวแห่งยุคสมัย ต่างก้าวเดินต่อไป ... แม้เหนื่อยหนัก
ในมือถือไม้เท้าประคองตัว
ยุคสมัยโทรมทรุด
ศิลปะโทรมทรุด
ระบบนายทุนดำเนินกลยุทธชาญฉลาด
กลืนกินหลากสิ่งดีงาม
ผู้บริโภค ว่ายแหวกอยู่ในมหาชเลแห่งการมอมเมา ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว
คนเพียงกระหยิบมือหันหน้าสู้ ปะทะกระแสบ่าทะลักล้นรุนแรง
ล้มลงระเนระนาดเหมือนต้นไม้ในพายุ
เช่นนี้แล้ว วันพรุ่งจักเป็นเช่นใด
.
4. รวงรังของเขา

บ้านหลังนั้น มิได้อยู่บนผืนดินแดงเช่นหลังเก่า
หากปลูกสร้างบนผืนดินสีน้ำตาลเข้มแห่งแดนเหนือ
ผักในสวน ไม้ดอก ไม้ใบดูงามดี
แปลงดอกดาวกระจายข้างทางทอดยาวสู่ตัวบ้าน
เบ่งบานเปล่งประกายเหลืองส้มอยู่ใต้แดดอุ่น
เอนโอนไหวไหวล้อสายลมอ่อนโยน
ทานตะวันกับเฟื่องฟ้าริมรั้ว สนทนากันมิรู้จบ
บัวสายสีชมพูสดแช่น้ำชุ่มสบายในบึงใหญ่
นกน้ำกระโดดไปมาบนใบบัว จับตามองหาปลาเพื่อท้องอิ่ม

ในบ้านน้อยนั้น ... ควันสีขาวจางจากพวยกาอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ
สิ่งจับต้องไม่ได้สองสิ่ง ดูคล้ายจับต้องได้เพราะกันและกัน
ไอน้ำ กับ อากาศ
ท่ามความร้อนหนาวแห่งฤดูกาล
เขาคว้าปากกาขึ้นเขียนบทกวีบทใหม่บนกระดาษ
เขียนความขมหวานวันวาน
เขียนความหวังของวันพรุ่ง

ก่อนหน้านี้ ณ ที่แห่งหนึ่งบนโลกใบใหญ่
ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ใครอีกคนเฝ้ารอเวลา
วันที่สองคนเดินทางมาพบกัน
ตระหนักว่า เมื่อวันนั้นมาถึง จะไม่มีสิ่งใดเข้าขัดขวางหรือหยุดได้
วันนี้จึงมีเธออยู่ใกล้ ๆ ชีวิตไม่แล้งไร้เช่นวันก่อน
อุดมสมบูรณ์ รุ่มรวยทั้งทุกข์สุข
และเหลือเฟือ ... เมี่อเพื่อนรักสักคนแวะมาเยี่ยมเยียน


.


.


.
. *แด่หนุ่มสาวแห่งยุคสมัยทุกคน
ผู้เฝ้าตริตรอง มองยุคสมัยอยู่บนเส้นทางยาวไกล
ผู้ไม่หยุดแสวงหา
เพื่อค้นพบรวงรังแท้จริง.*
.
.
.
.
.